บรรพบุรุษของชาวดาระอั้งได้ใช้ชีวิตอย่างสงบเรียบง่ายด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่เคร่งครัดควบคู่ไปกับการนับถือผีในดินแดนแห่งนี้มาเป็นระยะเวลาหลายชั่วอายุคน แต่ด้วยภัยสงครามและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศพม่า ทำให้ชาวดาระอั้ง จำนวนมากต้องข้ามน้ำสาละวินลัดเลาะมายังฝั่งประเทศไทยบริเวณ อ.เชียงดาว และ อ.ฝาง ในจังหวัดเชียงใหม่ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2522 ที่ชาวดาระอั้งรุ่นแรกอพยพมา ปัจจุบัน ในประเทศไทยมีชาวดาระอั้งประมาณ 6 พันคน และแม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ห่างไกลถิ่นฐานบ้านเกิดสักเพียงไหน แต่ก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีไว้ได้อย่างเคร่งครัด สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ วัฒนธรรมการแต่งกาย เอกลักษณ์ที่เผ่าพันธุ์ดาระอั้งภาคภูมิใจ
บั้นเอวสาวดาระอั้ง
ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหนภาษาไหนย่อมรักความสวยงาม หากใครได้เห็นเครื่องแต่งกายของสตรีชาวดาระอั้ง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสวยงามเพียงใด ชุดของสาวดาระอั้ง จะประกอบด้วยเสื้อแขนยาวทรงกระบอก ที่ภาษาดาระอั้งเรียกว่า "สโลป" เป็นเสื้อผ่าหน้า ไม่มีปก ส่วนใหญ่มักเป็นสีฟ้า สีน้ำเงิน สีเขียวใบไม้ ตกแต่งสาปเสื้อด้วยผ้าแถบสีแดง นุ่งซิ่นหรือ "กล่าง" มีริ้วลายขวาง ยาวกรอมเท้า โพกศีรษะด้วยผ้าผืนยาวสีอ่อน ส่วนผู้สูงอายุจะโพกผ้าสีดำ

เพื่อนชาวดาระอั้งเล่าความเป็นมาของการสวม"น่องเริน" ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ได้ถ่ายทอดไว้ว่า ในสมัยก่อนชาวดาระอั้ง ต้องย้ายที่อยู่อาศัยบ่อย ต้องมีการขนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่จำเป็นเดินทางไกลๆ ครั้นจะหอบของมีค่าติดตัวไปมากๆ ก็คงจะลำบากไม่น้อย จึงคิดนำโลหะเงินซึ่งเป็นของมีค่ามาตีเป็นห่วงคล้องไว้ที่เอวเพื่อความสะดวกในการเดินทาง เป็นที่มาของการสวมน่องเรินในปัจจุบันนั่นเอง
ห่วงอีกแบบหนึ่งที่สาวชาวดาระอั้งนิยมสวมที่บั้นเอวคือ "น่องหว่อง" ทำจากเส้นหวายแห้งชุบยางรัก เป็นห่วงใหญ่แล้วนำมาทบหนึ่งรอบจะได้น่องหว่อง 1 วง ปกตินิยมใส่ประมาณ 15-30 วง โดยนำมามัดรวมกันก่อนสวมน่องหว่องเป็นสิ่งที่ติดตัวสาวชาวดาระอั้งตลอดเวลาแม้กระทั่งเวลานอนหลับก็จะคล้องไว้ที่บ่า จะถอดก็ต่อเมื่อตอนอาบน้ำเท่านั้น
มีหลายตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาที่พยายามอธิบายถึงเรื่องราวของการสวมน่องหว่อง โดยตำนานหนึ่งเล่าว่า มีนางฟ้าองค์หนึ่งชื่อ "หรอยเงิน" ได้เดินทางลงมายังโลกมนุษย์แต่ไม่สามารถกลับขึ้นไปบนสวรรค์ได้เพราะไปติดแร้วดักสัตว์ของชาวลีซูเข้า นางจึงต้องอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์และกลายเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์หลายกลุ่ม รวมถึงชาวดาระอั้งด้วย น่องหว่องจึงเปรียบเสมือนแร้วดักสัตว์ของนางฟ้าหรอยเงินนั่นเอง
นอกจาก "น่องรอ" "น่องเริน" และ "น่องหว่อง" แล้ว ยังมีห่วงอีกหลายแบบที่สาวดาระอั้งนิยมสวมใส่ อาทิ "น่องเรง" ที่ทำจากห่วงหวายมีลวดลายที่เกิดจากการย้อมสีด้วยน้ำสมุนไพร "น่องไป" ที่ทำจากห่วงหวายเช่นเดียวกับน่องเรง ไม่ย้อมสี แต่จะตกแต่งลวดลายด้วยการใช้เข็มขูดขีดแทน ห่วงอีกแบบหนึ่งคือ "น่องโด" เป็นห่วงกลมจากการสานหญ้าแห้ง 5 เส้นให้เป็นลวดลาย ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่ต้องทำงาน คงจะเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อยที่จะสวมใส่บรรดาห่วงทุกแบบในคราวเดียว ปกติแล้วผู้หญิงจะสวมเฉพาะน่องรอซึ่งเป็นผ้าคาดเอวเพียงอย่างเดียวหรือสวมน่องรอกับน่องหว่อง แต่เมื่อมีเทศกาลงานฉลอง ไม่ว่าจะเป็นงานเข้าพรรษา ออกพรรษา ขึ้นปีใหม่ งานสงกรานต์ บรรดาสาวๆ ก็จะนำห่วงหลากรูปแบบ ที่เก็บไว้ เรียกว่ามีเท่าไหร่ก็ขนมาประดับประดากันอย่างไม่น้อยหน้ากัน
เครื่องแต่งกายของชายชาวดาระอั้ง ค่อนข้างที่จะเรียบง่าย กว่าเครื่องแต่งกายของผู้หญิง เสื้อผู้ชายจะเป็นเสื้อแขนยาว ผ่าหน้าคล้ายกับเสื้อไทยใหญ่ ทำจากผ้าฝ้ายสีน้ำเงินหรือสีดำ ความยาวพอดีกับเอว โดยทั่วไปแล้วจะพบ ผู้ชายสวมใส่เสื้อดาระอั้งน้อยมาก ส่วนใหญ่จะมีเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ อาจจะเป็นเพราะวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ต้องทำงานกลางแจ้งจึงไม่สะดวกที่จะสวมเสื้อดาระอั้ง ชายหนุ่มดาระอั้งจึงนิยมที่จะสวมเสื้อเชิ้ตมากกว่า โดยในเวลาที่ต้องทำงานจะสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม แต่หากมีงานรื่นเริงจะสวมเสื้อเชิ้ตหลากสีแทน
กางเกงของชาวดาระอั้งเรียกว่า "กางเกงเซียม" ทำจากผ้าฝ้ายสีดำหรือน้ำเงิน ลักษณะคล้ายกับกางเกงเล หรือ กางเกงไทยใหญ่ โดยเวลาสวมใส่จะทบให้กระชับกับลำตัวแล้วใช้เชือกหรือเข็มขัดรัดให้แน่น ผู้ชายดาระอั้งจะสวมกางเกงเซียมทั้งในชีวิตประจำวันและเมื่อมีงานฉลองต่างๆ ถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นชายจะชอบรัดเข็มขัดโดยปล่อยชายเข็มขัดให้ห้อยลงมาเป็นแฟชั่นฮิตมากในชุมชน
ชาวดาระอั้งทั้งชายและหญิงจะโพกผ้าที่ศีรษะเช่นเดียวกัน แต่จะมีวิธีโพกที่ต่างกัน ผ้าโพกศีรษะของผู้ชายจะเริ่มโพกโดยใช้ชายผ้าด้านหนึ่งวางไว้บนศีรษะแล้วขมวดผ้าส่วนที่เหลือจนรอบ ส่วนผู้หญิงจะโพกโดยใช้ผ้าพาดไว้ใต้มวยผมด้านหลังแล้วทบมาซ้อนกันด้านหน้า
ของคู่กายชาวดาระอั้ง
สิ่งที่เป็นของคู่กายชาวดาระอั้งทุกเพศทุกวัย ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ลูกเด็กเล็กแดงก็คือ "หูล" หรือ "ย่าม" นั่นเอง หูล ของชาวดาระอั้งส่วนใหญ่จะเป็นสีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว ใช้ใส่สิ่งของต่าง ๆ มี 2 แบบ คือ แบบธรรมดา และ แบบวัยรุ่น แบบธรรมดาก็จะไม่มีลวดลายอะไร ส่วนแบบวัยรุ่นจะตกแต่งประดับประดาด้วยพู่สีสันสวยงาม
ไป๊ป์ หรือ กล้องยาสูบ ภาษาดาระอั้งเรียกว่า มะกะแล้ว เป็นของคู่กายอีกชิ้นหนึ่งของชาวดาระอั้ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็น ผู้สูงอายุขึ้นมาหน่อยคือ ประมาณ 40 ปีขึ้นไป
- - - - - - - - - -
การแทรกซึมของวัฒนธรรมเมืองและอิทธิพลของกระแสตะวันตกได้กลืนกินวัฒนธรรมดั้งเดิมมานักต่อนัก แต่ระยะเวลา 20 กว่าปี นับตั้งแต่วันแรกที่ชาวดาระอั้งได้อพยพจากถิ่นฐานบ้านเกิดเข้ามาอาศัยบนอยู่แผ่นดินไทย พวกเขาก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนไว้ค่อนข้างดี แต่กระนั้น ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะในสังคมใดก็ตาม ความงดงามที่น่าภาคภูมิใจของชาวดาระอั้งจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา
ข้อมูลและภาพจาก
"Silver Palaung clothing" โดย Pamela A Cross (www.tribaltextiles.info)
รายงาน "การศึกษาเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับและสิ่งของประจำกายของชาวดาระอั้ง หมู่บ้านห้วยมะเลี่ยม อ.ฝาง จ.เชียงใหม่" โดย อุทัยวรรณ บุญลอย คณะวิจตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
www.peopleoftheworld.org