ขุนส่า เป็นชื่อของอดีตราชายาเสพติดชื่อดัง ชื่อภาษาจีนของ เขาคือ จางซีฟู เกิด เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1934 ที่บ้านดอย หม่อ อ.ต้างยาน จ.ล่าเสี้ยว ในรัฐฉานภาคเหนือ มารดาเป็นชาวไทย ใหญ่ชื่อ นางแสงจุ่ม บิดาเป็นคนจีนชื่อ ขุนอ้าย บรรพบุรุษเป็นผู้มี ฐานันดรอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ เพิ่งอพยพเข้ามาตั้งรกรากในรัฐฉาน เมื่อคริตศตวรรษที่ 18
ในปี ค.ศ.1960 พันเอกหม่องฉ่วยแม่ทัพภาคตะวันออกของรัฐบาลพม่าได้ ชักชวนให้ขุนส่าตั้งกองกำลังอ.ส. โดยมีเงื่อนไขว่า ให้ช่วยรบกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาล แล้วจะอนุญาตให้สามารถค้าขายได้อย่างเสรี ในยุคนั้นฝิ่นเป็นสินค้าที่สำคัญของกลุ่ม อ.ส.ของขุนส่า ดอยหม่อกลายเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นขนาดใหญ่ มีการขนฝิ่นส่งไปยังลาว และส่งออกต่อไปยังตลาดโลก เนื่องจากเป็นช่วงสงครามเย็นและสหรัฐฯได้เข้ามา มีบทบาทในลาวเป็นอย่างมาก
ต่อมาในปี ค.ศ. 1964 รัฐบาลพม่าประกาศยกเลิกธนบัตรฉบับละ 100 และ 150 จั๊ต ส่งผลกระทบกระเทือนต่อคนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งขุนส่าที่ต้องสูญเสีย ผลประโยชน์อย่างมหาศาล ดังนั้น ขุนส่าจึงแยกตัวออกมาตั้งกลุ่มกองทัพสหรัฐฉาน (Shanland United Army หรือ S.U.A) ที่บ้านหินแตก ทำการต่อต้านรัฐบาล พม่าเรื่อยมา โดยอิงผลประโยชน์จากยาเสพติด และเป็นคู่แข่งกับกลุ่มก๊กมินตั๋ง อดีต จีนคณะชาติ และทำสงครามสู้รบกัน
ในปีค.ศ. 1967 เกิดการสู้รบกันที่บริเวณพื้นที่ชายแดนระหว่างประเทศลาว พม่าและไทย จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่าสามเหลี่ยมทองคำ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรียกเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า “สงครามฝิ่น 1967” หลัง จากนั้น ขุนส่าก็กลับเข้าเป็น อ.ส.อีกครั้ง แต่ทางการพม่าก็ไม่ได้ไว้วางใจเขาเหมือน เดิมอีกต่อ ไป และในปี ค.ศ.1969 เขาถูกทางการจับกุมและนำตัวไปขังไว้ที่เรือน จำมัณฑะเลย์
ในปี ค.ศ.1973 ลูกน้องของขุนส่าที่หนีเข้าป่า ได้จับตัวแพทย์ชาวรัสเซีย 2 คน ที่เมืองตองยี และเรียกร้องให้ปล่อยตัวขุนส่า พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทยได้อาศัยเหตุผลทางการเมือง ที่สหรัฐฯ ต้องการสร้างสัมพันธภาพกับรัฐเซียให้แน่นแฟ้น ทำหน้าที่ดำเนินการเจรจา ต่อรองกับรัฐบาลพม่าให้ปล่อยตัวขุนส่าเพื่อรักษาชีวิตของนายแพทย์ชาวรัสเซีย ขุนส่าจึงได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1975 แต่ต้องอยู่ ภายใต้การควบคุมหรือกักบริเวณของรัฐบาลเป็นเวลาหนึ่งปี ขุนส่าได้หนีออกมา การกักบริเวณกลับสู่ค่ายเดิมของตนเองที่หมู่บ้านหินแตก อำเภอแม่จัน จังหวัด เชียงราย ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1976
ในปีต่อมา เขาได้พยายามเรียกร้องให้สหรัฐ เข้ามาช่วยปราบปรามยาเสพ ติดโดยยื่นข้อเสนอว่าภายใน 6 ปียาเสพติดจะหมดไป แต่ทางสหรัฐฯได้ปฏิเสธ และออกประกาศให้ขุนส่าเป็นราชายาเสพติด มีการ ตั้งเงินค่าหัวรางวัล
ปี ค.ศ. 1982 ตชด.ได้บุกทลายหมู่บ้านหิน แตก ขุนส่าจึงหนีออกไปนอกเขตประเทศไทย และ ยึดดอยลางเป็นฐานทัพ ต่อมาถูกขับไล่จึงถอยล่า ไปถึงบ้านหัวเมือง ตรงข้ามจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ในปี ค.ศ. 1985 กลุ่ม S.U.A ของขุนส่า เข้าร่วมกับกลุ่มกองทัพสหปฏิวัติรัฐฉาน หรือ SURA (Shan United Revolution Army) จัดตั้ง เป็นคณะปฏิวัติ มีเจ้ากอนเจิงเป็นผู้นำฝ่ายการเมือง และขุนส่าเป็นผู้นำด้านการทหารและเศรษฐกิจ ภาย หลังรวมกันได้หนึ่งปีเปลี่ยนชื่อกองทัพเป็น กองทัพ เมิงไต หรือ MTA (Muang Tai Army) ของขุนส่า ต่อมาเจ้ากอนเจิงเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1991 ขุนส่า จึงขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดทุกด้าน
ปี ค.ศ. 1995 กองทัพเมิงไต เป็นกองกำลัง ในฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดในพม่า แต่ทว่า ระบบภายในของกองทัพไม่มีความเข้มแข็ง มีการ ประจบสอพลอเพื่อตำแหน่งหน้าที่ เกิดความวุ่นวาย โดยทั่วไป ดังนั้น ในกลางปี ค.ศ. 1995 พันเอก เจ้ากานยอด จึงแยกตัวออกไป ตั้งกองทัพแห่งชาติ รัฐฉาน หรือ SSNA ส่งผลให้ภายใน M.T.A เกิด ความระส่ำระสาย ทหารเป็นจำนวนมากหนีออกจาก กองทัพ จากที่เคยมีทหารมากกว่า 25,000 นาย เหลือเพียง 10,000 กว่านายเท่านั้น ฝ่ายขุนส่า เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้จึงเกิดความท้อใจ และเข้า เจรจากับรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขว่าเขาจะยอมมอบตัว แต่ต้องไม่ส่งตัวเขาให้สหรัฐฯ
ในปี ค.ศ. 1996 ขุนส่ามอบตัวโดยสิ้นเชิง ปัจจุบัน พำนักอยู่ในกรุงย่างกุ้งภายใต้การอารักขา ของหน่วยข่าวกรองพม่า โดยได้รับเงินค่าใช้จ่ายจาก ลูกน้องคนสนิทเมื่อครั้งเป็นแม่ทัพ MTA เดือน ละ 6 ล้านจั๊ต (ประมาณ 3 แสนบาท) จากนายโบ่ โมนซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้า อ.ส.บ้านป่าง
ขุนส่า มีภรรยาป็นทางการชื่อนางเกยูร จางตระกูล มีบุตร 8 คน ชาย 5 คน หญิง 3 คน บรรดาลูกๆของขุนส่าไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก ยก เว้น นายจ่ามเฮิง ลูกชายคนที่ 2 ที่ขุนส่าแต่งตั้งให้ เป็นทายาท ปัจจุบันพำนักอยู่ในอำเภอท่าขี้เหล็ก.
สาละวินโพสต์ ฉบับที่ 8 ( พฤษภาคม-มิถุนายน 2546)