สายมาว พี่เบิร์ดของชาวไทยใหญ่

หากถามชาวไทยใหญ่ว่าศิลปินเพลงคนไหนที่ได้รับความนิยม มากที่สุด คำตอบนี้คงหนีไม่พ้นผู้ชายที่ชื่อ “สายมาว” สิ่งที่ยืนยันความนิยม ในตัวเขาได้ดีก็คืออัลบั้มเพลงไม่ต่ำกว่า 50 อัลบั้ม แต่งเพลงให้ตัวเองร้องมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 เพลง และเพลงนับได้ว่าโด่งดังสร้างชื่อเสียงให้เขามากที่สุด ก็คือ เพลง “ลิกห้มหมายปางโหลง” หรือ “สัญญาปางโหลง”แต่งโดย หมอจายคำเหล็ก ความดังของเพลงนี้ถึงขนาดทำให้ทางการพม่า ต้องจับตัวเขาไปขังคุกนานถึง 2 ปี 17 วัน เนื่องจากบทเพลงดังกล่าว มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการทวงสัญญา ซึ่งรัฐบาลพม่าเคย ให้ไว้กับชาวไทยใหญ่ เมื่อบทเพลงนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย รัฐบาลพม่าจึง ส่งเจ้าหน้าที่มาจับตัวสายมาวไปขังคุก และบทเพลงนี้ก็ได้กลายเป็น เพลงต้องห้ามในเขตปกครองประเทศพม่านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


สายมาว เป็นลูกครึ่งพม่า-ไทยใหญ่ มีอีกชื่อหนึ่งว่า จายยุ้นต์หม่อง เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1948 ปัจจุบันอายุ 55 ปี บ้านเกิดอยู่ที่เวียงหมู่เจ๊ จังหวัดล่าเสี้ยว ติดชายแดนประเทศจีน มีภรรยาทั้งหมด 4 คน คนแรกเสียชีวิตไปแล้ว คนที่สองมีลูกด้วยกัน 3 คน คนที่สามมีบุตรด้วยกัน 1 คนและคนที่สี่มีบุตรด้วยกัน 1 คน
เริ่มต้นร้องเพลงและเล่นกีต้าร์ตั้งแต่ปี 1964 หรืออายุ 16 ปี

ต่อมาในปี 1967-68 ปู่ของเขาซึ่งเป็นผู้นำชมรมวัฒนธรรมไทยใหญ่ ณ เมืองต่องจี(ตองยี) เมืองหลวงของรัฐฉานได้ ให้เขาไปเป็น คนคอยติดตามไปไหนมาไหน เขาจึงมีโอกาสได้เดินทางจนไปถึง ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เขาจึงมีโอกาสได้ร้องเพลงที่สถานีวิทยุในจังหวัดเชียงราย เช่นเพลง “น้ำคง”(แม่น้ำสาละวิน) และเพลง “ไทยใหญ่-ไทยน้อยเหมือนกัน”

ในช่วงปี 1968 สายมาวได้หยิบบทเพลง “ลิ่กห่มหมาย ปางโหลง” ซึ่งหมอจายคำเหล็กแต่งเอาไว้มาร้องตามงานต่าง ๆ ด้วยเนื้อเพลงและน้ำเสียงอันบาดลึกถึงใจคนฟัง ทำให้เพลงนี้กลาย เป็นเพลงฮิตติดหูชาวไทยใหญ่ในเวลาไม่นาน เมื่อความนิยม ในบทเพลงขยายตัวมากขึ้น เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของพม่า จึงอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป สายมาวถูกจับกลางเวทีคอนเสิร์ตในปีเดียวกันนั้น ต้องไปนอนอยู่ในคุกเป็นเวลา 2 ปี 17 วัน

ต่อมาในปี 1972 หลังจากพ้นคุกประมาณสองปี เขาได้ ตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการกู้ชาติไทยใหญ่ SSA เพื่อช่วยงานทาง ด้านวัฒนธรรม เจ้ามหาซางหัวหน้าหน่วยของเขาในเวลานั้นจึงให้เงินทุนสนับสนุนในการบันทึกเทป อัลบั้ม “ลิกห่มหมายป๋างโหลง” ซึ่งนับเป็นอัลบั้มชุดแรกของเขา เทปเพลงของเขาถูกส่งไปขายทั้งบริเวณ ชายแดนประเทศไทยและในรัฐฉาน โดยมีคนแอบนำเข้าไปขายในลักษณะเทป ใต้ดินอยู่เสมอส่งผลให้บทเพลงนี้ ขจรขจายไปทั่ว เนื่องจากช่วงที่ออกเทป สายมาวทำงานให้กองกำลังไทยใหญ่ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองพม่าจึงไม่สามารถ ตามจับตัวเขาไปขังคุกได้อีก

หลังจากสายมาวเข้าร่วมกับ กองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ SSA ได้ประมาณ 4 ปี ในปี 1976 เขาได้ตัดสินใจมอบตัวกับรัฐบาล ทหารพม่า รัฐบาลพม่าไม่ได้จับเขาไป ขังคุกอีก เพราะถือเป็นการยอมแพ้โดย ไม่มีเงื่อนไข

แต่แล้ว ไม่กี่ปีต่อมาเขาเปลี่ยนใจ ได้กลับมาร่วมงานกับกองกำลังไทยใหญ่ อีกครั้ง โดยในเวลานั้น กองกำลัง ไทยใหญ่มีชื่อว่า Muang Tai Army (MTA) นำโดย ขุนส่า และเขาก็ตัดสินใจเข้ามอบตัว กับรัฐบาลทหารพม่าอีกครั้งในปี 1994 ก่อนขุนส่าประกาศมอบตัวและวางอาวุธ กับเพียงไม่นาน 

ในอัลบั้มกว่า 50 ชุดของศิลปิน ท่านนี้ มีเพียงชุด “สัญญาปางโหลง” เพียงชุดเดียวที่เกี่ยวข้องกับเพลง การเมืองอัลบั้มที่เหลือเป็นเพลงรัก และเพลงเพื่อชีวิต สาเหตุที่สายมาว ได้รับความนิยมมากที่สุดนั้น เป็นเพราะว่าบทเพลงของเขาฟังง่าย เมื่อบวกกับน้ำเสียงอันนุ่มนวลรื่นหู สายมาวจึงได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่ง กลายเป็นพี่เบิร์ดของ ชาวไทยใหญ่ ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหน จะมีแฟนเพลงตามไปกรี๊ดแน่นขนัดเสมอ

แต่เมื่อใดก็ตามที่มีคนขอให้ เขาร้องเพลง “ต้องห้าม” เขาจะปฏิเสธ ทุกครั้งไป แม้ว่าเขาจะเล่นคอนเสิร์ต อยู่ในเมืองไทยก็ตาม เพราะเขากลัว สายลับพม่าอาจกำลังยืนฟังปะปนอยู่ กับแฟนเพลง และคอยจับตัวเขา ส่งเข้าซังเตพม่าอีกครั้ง

สายมาวบอกว่า เพลงที่เขาชื่นชอบ มากที่สุด คือ เพลง “หมากโหใจ๋หม๋อ ลาดกวาม” (หัวใจพูดได้) เพลง “ก่ามจ่าหม่าไตบ้านนอก” ชะตากรรม ไทยใหญ่บ้านนอก) และ “หมอกไม้ สักไห้ฮิมฝั่งน้ำคง” (ดอกไม้สักร้อง ไห้ริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน)

นักแต่งเพลงที่เขาชื่นชอบมากที่สุด มีสองท่าน คือ หมอจายคำเหล็ก ปัจจุบันอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ และ จายมู คณะ Freedom Way เสียชีวิตไปแล้วเมื่อประมาณ สิบปีก่อน เขาให้เหตุผลว่า นักแต่งเพลงทั้งสองคน แต่งเพลง ที่มีสาระเนื้อหาลึกซึ้งกินใจ แตกต่างจากเพลงของเขาซึ่งมีเนื้อหา ธรรมดา
สิ่งที่สายมาวได้พยายามทำ ควบคู่ไปกับ การร้องเพลงก็คือ การปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่อนุรักษ์ ภาษาและวัฒนธรรม ไทยใหญ่ 

“ปัจจุบันวงดนตรีของเรา ก็พยายาม ให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ ให้มีความ ทันสมัย ให้มีวีซีดีคาราโอเกะ ภาษาไทยใหญ่มากๆ หลายปี ที่ผ่านมา ทั่วทุกภาคของรัฐฉาน มีการรณรงค์ ให้ศึกษาภาษาไทยใหญ่ โดยเฉพาะ ความพยายามของพระสงฆ์ และ แกนนำต่างๆตัวผมเองไปร้องเพลงที่ไหน ก็พยายามชักชวน ให้ชาวไทยใหญ่ ไม่ละทิ้งขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมของเรา ให้พากัน อนุรักษ์ของเก่าของเรา ใครอยู่ที่ไหน ก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ตามกาละเทศะและโอกาสจะเอื้ออำนวย เรามีความรู้ความสามารถความพยายาม แค่ไหนก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ ต่อส่วนรวม”

สาละวินโพสต์ ฉบับที่ 9 ( กรกฎาคม-สิงหาคม 2546)