จุดยืนนานาชาติต่อพม่าหลังนางซูจีถูกคุกคาม

สหประชาชาติและกลุ่มประเทศตะวันตก

นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จราจลและกักขัง นางซูจีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา นานา ประเทศได้ออกมาแสดงจุดยืนของตนเองต่อ เหตุการณ์ครั้งนี้อย่างชัดเจน โดยจุดยืนของ สหประชาชาติและกลุ่มประเทศตะวันตกยังคง เน้นการคว่ำบาตรรัฐบาลทหารพม่าทุกทาง โดยเฉพาะทางเศรษฐกิจ


เริ่มจากวันที่ 4 มิถุนายน 2546 สมาชิก รัฐสภาคองเกรสของสหรัฐ และสมาชิก วุฒิสภาได้ทำการยื่นร่างกฎหมาย ห้ามนำเข้า สินค้าจากประเทศพม่าทั้งหมด ต่อมาวันที่ 6 มิถุนายน นาย Richard Armitage รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการต่างประเทศก็ได้ออกมาแถลงข่าวว่า “รัฐบาล สหรัฐฯจะสั่งห้ามวีซ่าของบรรดาผู้ดำเนินการและครอบครัว ของบริษัทรัฐวิสาหกิจในพม่า รวมทั้งสมาชิกของ USDA นอก จากนั้น ยังมีความพยายามในการดำเนินการเพื่ออายัด ทรัพย์สิน ในต่างประเทศของเหล่าผู้นำพม่า และการพิจารณา ห้ามคนอเมริกันไปพม่าอีกด้วย”

และเมื่อวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา สหภาพยุโรป ก็ได้ประกาศใช้มาตรการลงโทษต่อรัฐบาลทหารพม่ารุนแรงขึ้น แล้ว ด้วยการห้ามส่งอาวุธให้พม่า ห้ามการออกวีซ่า และอายัด ทรัพย์สินของคณะทหารพม่ากว่า 150 คน 

นอกจากนี้ทางกรุงวอชิงตัน ยังได้ส่งหนังสือประท้วง อย่างรุนแรงต่อกรุงปักกิ่ง และกรุงเทพ เพื่อเรียกร้องให้ ทั้งสองประเทศเปลี่ยนมาใช้นโยบายอันแข็งกร้าวต่อพม่า เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพม่า และจัดส่ง สำเนาของหนังสือประท้วงดังกล่าวให้ประเทศในกลุ่มสมาชิก อาเซียนและเลขาธิการสหประชาชาติด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ทางสหรัฐ ยังแสดงความเห็นว่า สถานการณ์ในพม่าเลวร้ายลงเกินกว่าการเรียกร้องให้มีการ ปล่อยตัวนางซูจีเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องมีการเปลี่ยน แปลงทางการเมืองด้วยเช่นกัน

อาเซียนและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับจุดยืนของอาเซียนและกลุ่ม ประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างแตกต่างจากกลุ่ม ประเทศตะวันตก ซึ่งมีนโยบายแข็งกร้าวต่อ รัฐบาลทหารพม่าอย่างชัดเจน แม้ว่า ในการ ประชุมอาเซียนครั้งที่ 36 ที่กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ผู้นำประเทศ ต่างๆ จะออกมาแสดงความห่วงใยสวัสดิภาพ ของนางซูจีและการพัฒนาประชาธิปไตยใน พม่า แต่ยังไม่มีประเทศใดแสดงท่าทีแข็ง กร้าวหรือคว่ำบาตรรัฐบาลทหารพม่าอย่างชัดเจน

นายหอนำเฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กัมพูชา ตัวแทนประเทศเจ้าภาพกล่าวว่า “พวกเราถือว่า เหตุการณ์ในพม่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และหวังว่าอิสรภาพ ของนางซูจีจะได้รับการรับรอง” 

ส่วนดร.มหาธีร์ นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซียซึ่งมี ความสนิทสนมกับผู้นำรัฐบาลพม่าค่อนข้างมากออกมากล่าวว่า “เราต้องการให้มีการปล่อยตัวนางซูจีทันที แต่พวกเราก็ไม่เชื่อ ว่าวิธีการกดดันจะได้ผล “

ทางด้านพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องที่อาเซียนออกแถลงการณ์ร่วมไม่ใช่เรื่องการที่จะบีบหรือไม่ บีบ แต่สัญญาณที่เกิดขึ้นนั้นพม่าทำให้ชาวโลกเห็นว่าพม่ากำลัง จะถอยกลับต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ทุกคนจึงแสดง ความเป็นห่วงและเรียกร้องให้พม่าแสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่า พม่ามีการพัฒนาการที่จะเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย ถ้าปล่อยนางออง ซาน ซู จี ได้ก็ให้รีบปล่อย

ส่วนจีนยังคงยืนยันจุดยืนเดิม คือ นโยบายไม่ยุ่งเกี่ยว กับกิจการภายใน โดยนายคงฉวน โฆษกกระทรวงการต่าง ประเทศของจีนออกมากล่าวว่า ประเทศจีนเชื่อว่าประชาชน พม่าสามารถแก้ไขปัญหาของพวกเขาด้วยตนเองได้ 

สำหรับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่คอยส่ง เงินช่วยเหลือให้รัฐบาลทหารพม่ามาโดยตลอดเริ่มเปลี่ยนท่า ไปบ้าง โดยฮัตซุชิซา ทาคาชิมา โฆษกกระทรวงต่างประเทศ ญี่ปุ่นกล่าวว่า “ถ้ารัฐบาลทหารพม่าไม่ปล่อยตัวซูจี ญี่ปุ่น ก็จะเริ่มทบทวนนโยบายตัดความช่วยเหลือไนทันที”

สาละวินโพสต์ ฉบับที่ 8 ( พฤษภาคม-มิถุนายน 2546)