กลุ่มพระสงฆ์มอญลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน

มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งแผ่นดินมอญ (Human Rights Foundation of Mon Land) ได้ออกรายงานเมื่อเดือนมีนาคมที่ ผ่านมาระบุว่า กลุ่มพระสงฆ์ชาวมอญได้ลุกขึ้นเผชิญกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจพม่าเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวบ้านธรรมดา เลขาธิการสมาคมพระสงฆ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานของทางการของสภารัฐ สังขละ ได้ลุกขึ้นเผชิญกับตำรวจในรัฐมอญ โดยเรียกร้องตำรวจระดับ สูงในเมือง Kyeik Ma Yaw ซึ่งให้ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่ง ได้กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน


กรณีที่เกิดขึ้น
นายไน ลา (Nai La) อายุ 78 ปี ถูกนำส่งโรงพยาบาลในวันที่ 7 มีนาคม ในสภาพบาดเจ็บสาหัส หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายและทรมานโดยเจ้าหน้าที่ทหารได้จับกุมนายลาด้วยข้อหาไม่ส่งข้าว
ให้แก่รัฐบาลเผด็จการทหารพม่า นายลาเป็นชาวนาและที่นาของเขาได้ถูกน้ำท่วมในปีก่อนจึงไม่สามารถ
ส่งข้าวให้แก่ทหาร ตามจำนวนที่ระบุไว้ได้

จากจดหมายลงวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งพระ Rev Silawanta เจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ส่งให้กับประธาน SPDC ในรัฐมอญ มีเนื้อหาระบุว่า นายลาและภรรยาเป็นชาวนาในหมู่บ้าน โดยต้องส่งข้าว ที่ปลูกได้ให้กับทหารพม่าหลักจากถูกบังคับให้ต้องส่งข้าวให้รัฐบาลทหารในจำนวนหนึ่ง นายลาต้องออกไป
ยืมเงินเพื่อนบ้านเพื่อมาซื้อข้าว และส่งให้กับทหาร นายลาไม่สามารถหายืมเงินได้ทันเวลาจึงขอผู้นำท้อง ถิ่นเลื่อนกำหนดส่งข้าว แต่กลับถูก ปฏิเสธและถูกคุมขังไว้ที่ตู้ยามในเมือง

จดหมายยังระบุว่าหลังจากคุมขังนายลาไว้เป็นเวลา 3 วัน เจ้าหน้าที่ทหารก็ได้ย้ายเขาไปที่สถานี
ตำรวจ Nyaung Pin Zoet โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมขังนายลาไว้อีก 1 คืน และขังภรรยาของเขาอีก 2 คืน
พระสงฆ์ 12 รูปได้ร่วมกันลงนามในจดหมายฉบับดังกล่าวและส่งให้กับนาย Myint Aung ประธาน SPDC ประจำรัฐมอญ

จดหมายจากพรรคมอญใหม่ (New Mon State Party) ถึงผู้สืบราชการทหารพม่า
พรรคมอญใหม่ได้พยายามรณรงค์เพื่อดำเนินคดีผู้กระทำความผิดและได้ส่งจดหมายร้องเรียนอย่างเป็นทาง การไปยังเจ้าหน้าที่ทหารพม่า โดยในจดหมายระบุว่าผู้นำท้องถิ่นและทหาร 3 นายได้จับกุม
และคุมขังนายลา และในคืนเดียวกันนั้นเองหัวหน้าตำรวจชื่อนาย Maung Toeได้ทำร้ายร่างกายนายลา โดยการชก เตะ และทุบ ตีจนนายลาหมดสติไป

คำอุทธรณ์จากครอบครัว
ครอบครัวของนายลาได้ฝากจดหมายไปยังประธาน SPDCประจำรัฐมอญ มีเนื้อหาระบุว่า นายลาเป็นชาวนามีที่นาของตนเอง 14 เอเคอร์ นายลามี ความประพฤติซื่อสัตย์มาตลอด 38 ปีที่ทำนามา โดยไม่เคยขาดส่งข้าวแก่ รัฐบาลทหารดังที่ระบุไว้ในกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ นายลาอายุ 78 ปีแล้วแต่ยังแข็งแรงและทำนามาจนปัจจุบัน

ผู้นำท้องถิ่นและทหาร 3 นายสั่งให้นายลาส่งข้าวแก่รัฐบาลจำนวน 168 ตะกร้า แต่เนื่องจากที่นาของนายลาถูกน้ำท่วม ทำให้ได้ผลผลิตข้าวเพียง 20 ถัง นายลาได้ส่งข้าวทั้งหมดที่เก็บเกี่ยวได้แก่รัฐบาลทหาร และ รายงานแก่ผู้นำท้องถิ่นว่าที่นาถูกน้ำท่วมและไม่มีข้าวเหลืออีกแล้ว แต่เขา กลับถูกปฏิเสธและถูกกล่าวหาด้วยถ้อยคำหยาบคาย

จดหมายซึ่งเขียนเป็นภาษาพม่า ระบุว่าผู้นำท้องถิ่นกระทำการเหนือ กฎหมาย โดยสั่งให้นายลาจ่ายเงิน 560,000 จั๊ต แต่นายลาปฏิเสธเพราะ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายลากล่าวว่าเขาสามารถจ่ายเงิน สำหรับข้าว 100 ตระกร้าเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 250,000 จั๊ต แต่ ผู้นำท้องถิ่นคนดังกล่าวกลับปฏิเสธ

การพิจาณาคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
หลังจากมีการรณรงค์เพื่อเรียกร้องสิทธิมนุษยชนกรณีดังกล่าว อย่างกว้างขวางในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ กองตำรวจแห่งสหภาพพม่า ในเมือง Kyeik Ma Yaw ก็ได้มีคำสั่งให้พิจารณาคดีซึ่งเข้าร่วมโดย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งนายตำรวจ Maung Toe ผู้กระทำผิดด้วย

หลังจากพิจารณาคดีอย่างถี่ถ้วนแล้ว เจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายตำรวจ Maung Toe เมาสุรา และกระทำการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยคุมขังนาย ยู ลา ไว้ที่สถานีตำรวจ Nyuang Pin Zoet และยังคุมขังนาง Mi Daw Myaing พร้อมทั้งกล่าวคำหยาบคาย คำให้การพิสูจน์ว่านาย Maung Toe กระทำการผิดกฎหมาย และเจ้าหน้าที่พิจารณาคดีกำหนดให้ลงโทษผู้กระทำ ผิด” ตามกฎหมาย“ควบคุมระเบียบตำรวจ” ซึ่งเป็นผลให้ผู้กระทำผิดต้องถูกคุมขัง

รายงานเพิ่มเติมจากการสัมภาษณ์ครอบครัวนายลา
นาย Kyan Kyit ซึ่งเป็นผู้นำท้องถิ่นเป็นผู้ที่ไม่มีการศึกษา และทำงาน เป็นผู้นำท้องถิ่นเพื่อหาผลประโยชน์แก่ตนเอง เขาได้รับการสนับสนุนจาก ประธาน SPDC ในเมืองดังกล่าว เจ้าหน้าที่พรรครัฐมอญใหม่คุมขังนาย Kyan Kyit เป็นเวลา 1 สัปดาห์เพื่อสืบสวนความผิด หลังจากรายงานลับ รั่วไหลไปถึงพระสงฆ์ หัวหน้าตำรวจได้เดินทางไปสืบสวนข้อเท็จจริงที่บ้าน ของนายลา ระหว่างนั้นนายตำรวจ Maung Toe ผู้กระทำผิดได้ไปเยี่ยม นายลาที่โรงพยาบาลเพื่ออ้อนวอนนายลาไม่ให้เอาเรื่องทางกฎหมาย แต่คณะ สงฆ์ปฏิเสธคำอ้อนวอนดังกล่าว ปัจจุบันครอบครัวของนายลาถูกควบคุม มิให้ติดต่อกับคณะสงฆ์มอญหลังจากรายงานลับของตำรวจรั่วไหล

สาละวินโพสต์ ฉบับที่ 8 ( พฤษภาคม-มิถุนายน 2546)