โดย พงษ์เทพ ยังสมชีพ (1)
จาก www.archanwel.org
POC คือใคร ผู้หนีภัยการสู้รบคือใคร POC กับผู้หนีภัยการสู้รบแตกต่างกันอย่างไร คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่พบได้โดยทั่วไปเมื่อมีการพูดคุยกันถึงเรื่องผู้หนีภัยความตายในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยได้อนุญาตให้ผู้หนีภัยความตายที่อพยพลี้ภัยความตายเข้ามาในประเทศไทย สามารถอยู่ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะสามารถหาทางแก้ไขปัญหาที่ถาวรได้ เช่น การเดินทางกลับสู่ประเทศต้นทางโดยสมัครใจ หรือการเดินทางไปตั้งรกรากใหม่ในประเทศที่สาม แต่ทว่าความเข้าใจถึงกลุ่มบุคคลผู้หนีภัยความตายตามที่เรียกกันในแวดวงราชการ และหน่วยงานที่ปฏิบัติงานในเรื่องนี้นั้น ยังคงเป็นปริศนาสำหรับผู้สนใจในประเด็นผู้หนีภัยความตาย และสาธารณชนโดยทั่วไป
ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงสาเหตุความแตกต่างระหว่างPOCกับผู้หนีภัยการสู้รบจะทำให้เกิดพื้นฐานทางความคิดที่ชัดเจนถึงสาเหตุที่มาของกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจในการจัดการของรัฐบาลไทย และสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ต่อกลุ่มบุคคลที่หนีภัยความตายในประเทศไทยต่อไป
POC หรือชื่อเต็มคือ Person of Concern to UNHCR ซึ่งแปลว่า บุคคลในความห่วงใยของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เป็นคำกล่าวทั่วไปที่ใช้ อธิบายถึงบุคคลซึ่งต้องการความคุ้มครองและความช่วยเหลือที่อยู่ภายใต้กรอบหน้าที่ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ ซึ่งบุคคลเหล่านี้เป็นผู้ลี้ภัยที่ผ่านการพิจารณาสถานะภาพผู้ลี้ภัย “รายบุคคล” (Refugee Status Determination) จากทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสถานะภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. 1951 แล้ว ซึ่งคำจัดความของผู้ลี้ภัยคือ บุคคลที่อยู่นอกประเทศถิ่นกำเนิดของตน เนื่องจากมีความหวาดกลัวที่มีมูลว่าจะถูกประหัตประหาร ด้วยสาเหตุทางเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ สมาชิกในกลุ่มสังคมเฉพาะ หรือความเห็นทางการเมือง และไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะได้รับประโยชน์จากความคุ้มครองของประเทศนั้น หรือกลับคืนไปที่นั่น เพราะกลัวการประหัตประหาร
สำหรับในประเทศไทย ทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ ได้รับรองสถานะภาพ POC ให้กับผู้ลี้ภัยจากประเทศต่างๆ ได้แก่ ประเทศพม่า และประเทศอื่นๆ อีกกว่า 30 ประเทศ โดยกระบวนการเป็นเอกเทศจากรัฐบาลไทย เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้เป็นภาคีสมาชิกกับอนุสัญญาว่าด้วยสถานะภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. 1951 และไม่มีกฎหมายหรือนโยบายในการจัดการเฉพาะสำหรับผู้ลี้ภัย ดังนั้น ทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ จึงได้พิจารณาและรับรองสถานะภาพผู้ลี้ภัย ภายในอำนาจหน้าที่ตามธรรมนูญ และตามมติที่เกี่ยวข้องของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ทั้งนี้ กลุ่ม POC จากประเทศพม่าเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในประเทศไทย เพราะเป็นกลุ่ม POC ที่มีจำนวนมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนPOCจากประเทศอื่นๆ และมีกิจกรรมทางการเมืองที่เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
POCจากประเทศพม่า เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าตั้งแต่การชุมนุมเดินขบวนประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าในปี ค.ศ. 1988 การประท้วงรัฐบาลทหารพม่าที่ไม่ปฏิบัติตามผลการเลือกตั้งทั่วไปในปี ค.ศ. 1990 และกิจกรรมทางการเมืองอื่นๆ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคนกลุ่มนี้หมายรวมถึง นักศึกษาพม่า กลุ่มการเมืองต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า อดีตกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ประชาชนพม่าทั่วไปที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และครอบครัวของคนเหล่านี้ เป็นต้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ยืนประจันหน้ากับรัฐบาลทหารพม่า และดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และ/หรือกิจกรรมทางการทหารในการต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าโดยตรง จึงเป็นกลุ่มบุคคลที่หนีจากภัยความตายที่เกิดเฉพาะบุคคลหรือเฉพาะกลุ่มโดยตรง แต่ไม่ได้หนีจากภัยการสู้รบโดยตรง
ในขณะที่ผู้หนีภัยจากการสู้รบเป็นกลุ่มบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะกันระหว่างกองทัพของรัฐบาลทหารพม่า รวมทั้งกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลทหารพม่า และกลุ่มกองกำลังติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า ซึ่งผู้หนีภัยการสู้รบตกอยู่ท่ามกลางสมรภูมิการสู้รบของทั้งสองฝ่าย และได้หนีภัยความตายเข้ามาในประเทศไทยเป็นกลุ่มใหญ่ โดยทางฝ่ายกองทัพไทยได้ให้ความช่วยเหลือในการอนุญาตให้เข้ามาหนีภัยความตายอยู่ในเขตประเทศไทย ทั้งนี้ การสู้รบของทั้งสองฝ่ายมีมาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประมาณปี ค.ศ. 1948 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่กลุ่มผู้หนีภัยการสู้รบที่อยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวในบริเวณชายแดนไทย-พม่า ในจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี ตาก และแม่ฮ่องสอนนั้น ได้อพยพหนีภัยความตายเข้ามาในประเทศไทยในช่วงประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา
ในปัจจุบันมีผู้หนีภัยการสู้รบที่ลงทะเบียนอยู่ในพื้นที่พักพิงฯ ทั้งหมด 9 แห่ง จำนวนกว่า 120,000 คน โดยรัฐบาลไทยได้อนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ เข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงฯ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2542 ทั้งนี้ทางกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาสถานะภาพผู้หนีภัยการสู้รบประจำจังหวัด หรือ Provincial Admission Board (PAB) ขึ้นโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละจังหวัดเป็นประธาน และมีผู้แทนหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เป็นกรรมการ และมีผู้แทนจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ เป็นผู้สังเกตการณ์ เพื่อพิจารณาอนุญาตให้ผู้หนีภัยการสู้รบเป็น ”รายกลุ่ม” ที่ผ่านเกณฑ์หนีภัยการสู้รบโดยตรงเข้าไปอยู่ในพื้นที่พักพิงฯ ได้ สำหรับทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ ผู้หนีภัยการสู้รบถือได้ว่าได้รับการรับรองสถานะภาพผู้ลี้ภัยจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ เป็นรายกลุ่ม (prima facie refugees)
โดยสรุป เมื่อพิจารณาความแตกต่างระหว่างPOCกับผู้หนีภัยการสู้รบ จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันใน 5 ประเด็นด้วยกัน คือ
1) POCเป็นบุคคลที่ต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าโดยตรง ส่วนผู้หนีภัยการสู้รบเป็นบุคคลที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อมจากการปะทะกันระหว่างกองทัพรัฐบาลทหารพม่า กับกลุ่มกองกำลัง
ติดอาวุธ
2) POCหนีภัยความตายเป็นรายบุคคล ส่วนผู้หนีภัยการสู้รบหนีภัยความตายเป็นรายกลุ่ม
3) POCผ่านการพิจารณาและรับรองสถานะภาพเป็นรายบุคคลโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ เพียงฝ่ายเดียว ส่วนผู้หนีภัยการสู้รบผ่านการพิจารณาและรับรองสถานะภาพเป็นรายกลุ่มจากรัฐบาลไทย โดยมีสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ เป็นผู้สังเกตการณ์
4) สำหรับรัฐบาลไทย ผู้หนีภัยการสู้รบผ่านเกณฑ์ของรัฐบาลไทยในการหนีภัยการสู้รบโดยตรง แต่POCไม่ผ่านเกณฑ์ เพราะไม่ได้หนีจากภัยการสู้รบโดยตรง แต่หนีจากภัยทางการเมือง
5) สำหรับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ POCผ่านเกณฑ์การพิจารณาสถานะภาพผู้ลี้ภัยตามนิยามของผู้ลี้ภัยภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสถานะภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. 1951 (Refugee Status Determination) แต่ผู้หนีภัยการสู้รบได้รับการรับรองสถานะภาพผู้ลี้ภัยเป็นรายกลุ่ม (prima facie refugees)
.......................................................
[1] ศิลปะศาสตรมหาบัณฑิต สาชาสิทธิมนุษยชน (นานาชาติ) บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล โดยงานวิจัยเฉพาะกรณีเรื่อง Human Right and Personal Legal: Case Study of People at Risk of Persecution at Sangklaburi District, Kanchanaburi Provice ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประจำประเทศ/ผู้ช่วยหัวหน้าภาคสนาม สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) กำลังศึกษาในโครงการปริญญาเอกสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์