สัมภาษณ์ : ยองชิอู สมาคมแรงงานพม่าที่กล้าท้าชนอิทธิพลมืด

เอกภพ ดัสต์

เวลาได้ยินเรื่องราวที่รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง หลายคนคงเคยมีอาการคล้ายผมที่เกิดคันไม้คันมือขึ้นมา คิดว่าอยากทำอะไรสักอย่าง ยิ่งถ้าคิดว่าเราทำอะไรได้ก็มักอยากแสดงบทพระเอกทุกครั้งไป และพาลหงุดหงิดด้วยความไม่เข้าใจว่าคนที่มีส่วนรับผิดชอบปล่อยให้เรื่องราวความอยุติธรรมเช่นนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร หรืออาจถึงขั้นเบื่อโลกและอยากเป็นผู้นำการปฏิวัติ แต่ท้ายสุดผมก็ปล่อยให้อาการอึดอัดอยากช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากเช่นนั้นทุเลาไปเองขณะที่ค่อยๆ หันมาหมกมุ่นกับปัญหาของตัวเองเช่นเดิม
ผมเคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองไม่เคยทุ่มเทให้กับอะไรจริงจังเลย ถ้าผมจะเป็นพระเอกผู้กล้าเข้าช่วยเหลือเหยื่ออธรรมจากคนพาล ผมก็คงจะไปได้ไม่ไกลและต้องตัดใจถอยกำลังในไม่ช้า ด้วยข้ออ้างว่าสถานการณ์เสี่ยงเกินไป ผมอาจจะคิดว่าตัวเองต้องฉลาดที่จะรักษาตัวรอดเพื่อประโยชน์ของการต่อสู้ในระยะยาว ผมจึงควรอยู่ห่างอะไรที่อันตรายเกินไป เพื่อที่วันหนึ่งยุทธศาสตร์ของผมจะจัดการผู้ร้ายได้โดยละม่อม นี่อาจเป็นความเชื่อที่ไตร่ตรองดีแล้ว แต่ถ้าใครจะว่าผมกลัวเกินไปนั่นก็คงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ยาก ผมจึงอดชื่นชมพระเอกตัวจริงไม่ได้ ความกล้าท้าชนโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใดเพื่อความถูกต้องเป็นธรรมของเขาเหล่านั้นเป็นแรงดลใจให้ผมเสมอ

ที่อำเภอแม่สอด ผมมีโอกาสได้พบและพูดคุยกับหนึ่งในพระเอกตัวจริงของผม ชื่อของเขาคือ โกโม ส่วย อดีตนักศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีย่างกุ้งที่เคยเข้าร่วมกับขบวนการนักศึกษาประชาชนเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศพม่าก่อนจะถูกตอบโต้อย่างโหดเหี้ยมและต้องลี้ภัยมายังประเทศไทยเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน วันนี้ ชายในวัยสี่สิบกว่าๆเป็นผู้นำสมาคมแรงงานยองชิอู ที่เขาเองร่วมกับเพื่อนพ้องก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2542 เพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมสิทธิแรงงานชาวพม่าในพื้นที่อำเภอแม่สอด แต่ความตั้งใจดีของโกโมส่วยกลับไปขัดผลประโยชน์ของนายทุนผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นที่มีธุรกิจใหญ่โตจากการกดขี่แรงงานพม่า จนถึงกับตั้งค่าหัวและสั่งสมุนมารุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ของยองชิอูมาแล้วหลายครั้ง

หลังจากแนะนำตัวเองไปทางโทรศัพท์แล้ว ผมก็ได้ไปพบโกโมส่วยที่สำนักงานของสมาคมยองชิอู ในบ่ายวันหนึ่ง โกโมส่วยบอกเส้นทางมาสำนักงานด้วยสำเนียงใจดี แม้ผมจะเป็นคนแปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง และแม้ดูเหมือนสำนักงานกำลังวุ่นอยู่กับกิจกรรมหลายๆอย่าง โกโมส่วยก็สละเวลาพูดคุยกับผมอย่างเป็นกันเอง และต่อไปนี้คือบทสนทนาของเรา...

ผมได้ยินเรื่องราวการละเมิดทำร้ายแรงงานพม่าที่แม่สอดมามาก และคิดว่าดีมากเลยที่มีการรวมกลุ่มของแรงงานเพื่อช่วยเหลือคนที่ถูกทำร้าย
องค์กรของเราชื่อยองชิอู ชื่อเต็มๆคือ สมาคมแรงงานยองชิอู ภาษาอังกฤษคือ Yaung Chi Oo Workers Association ยองชิอูนี่เป็นภาษาพม่าแปลว่า “แสงแรกของรุ่งอรุณ” ผมกับเพื่อนร่วมกันก่อตั้งได้เกือบ 7 ปีแล้ว ก่อนหน้านั้นผมเคยเป็นสมาชิก เอบีเอสดีเอฟ รู้จักรึเปล่า เป็นกลุ่มนักศึกษาพม่าที่เรียกร้องประชาธิปไตย แต่พอผมสนใจปัญหาของคนที่มาเป็นแรงงาน ผมก็เลยอยากออกมาตั้งกลุ่มใหม่กับเพื่อน พวกเรารู้ตั้งแต่แรกนะว่าการต่อสู้เรื่องสิทธิแรงงานมันเสี่ยง แต่จนตอนนี้เราก็ไม่คิดที่จะเลิกหรอก

ตอนนี้สมาคมมีสมาชิกมากแค่ไหนครับ
เมื่อเริ่มก่อตั้งปี 2542 เรามีสมาชิกมาก ตอนนี้สมาชิกลดลงจาก 3,000 คนเหลือประมาณ 700 กว่าคน

เกิดอะไรขึ้นครับ
ก็เพราะหลังวิกฤตเศรษฐกิจมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เศรษฐกิจไม่เหมือนเดิม โรงงานก็ให้แรงงานออกเยอะ แล้วรัฐบาลไทยตอนนั้นก็หันมาบอกว่าแรงงานพม่าแย่งงานคนไทย มีนโยบายจับกุมแล้วส่งกลับพม่า เพราะจะให้คนไทยมีงานทำ ตอนนั้นแรงงานพม่าถูกจับส่งกลับพม่าเยอะมาก

แต่ว่าจริงๆแล้วแรงงานพม่าเข้ามาทำงานหลายอย่างที่คนไทยไม่ทำนะครับ แล้วปัญหาหลักของแรงงานที่แม่สอดนี้เป็นเรื่องอะไรครับ
ปัญหาหลักที่เราเห็นตลอดมาก็คือคือปัญหาสภาพความเป็นอยู่กับสภาพการทำงาน สองอย่างนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด มีปัญหามาก เริ่มตั้งแต่ค่าแรงเลย ค่าแรงขั้นต่ำนี่ในเขตแม่สอดกฎหมายบอกว่าแรงงานต้องได้ 163 บาทต่อวันใช่ใหม แต่แรงงานได้จริงประมาณ 50-70 บาทต่อวัน ส่วนโอทีเหรอ ถ้าทำล่วงเวลาก็ได้ชั่วโมงละ 5 บาท แล้วก็จะได้ไม่เกิน 35 บาทนะ

พอถูกกดค่าแรง ก็เลยทำให้ความเป็นอยู่ย่ำแย่ไปด้วย
ใช่แล้ว บางโรงงานเขาก็จัดที่พักให้คนงานนะ แต่ก็หักเงินค่าเช่า เขาทำอย่างนี้เขาก็ได้ประโยชน์มากนะ ได้ค่าเช่าและก็ทำให้เขาควบคุมแรงงานได้ตลอดเวลาเลย บางคนที่ทำงานตามบ้านก็อาจจะดีหน่อยที่ไม่ต้องเสียค่าเช่า ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องเช่าบ้านอยู่รวมกัน แออัดมากเลย เดี๋ยวนี้ค่าเช่าก็แพงขึ้น บางคนต้องจ่ายมากจนเงินค่าจ้างที่ได้มาแทบไม่เหลือ

ผมพอจะนึกภาพออกครับ เพราะเห็นมีย่านที่คนงานไปเช่าอยู่รวมกันเยอะมาก แล้วก็เป็นที่อยู่ที่สภาพไม่ค่อยดี อาจจะมีปัญหาเรื่องห้องน้ำ และน้ำกินน้ำใช้ด้วย
ใช่ นั่นแหละ หลายคนอยู่ลำบากมากนะ

แรงงานที่แม่สอดส่วนใหญ่มีบัตรอนุญาตทำงานกันรึเปล่าครับ
ส่วนใหญ่ไม่มี อันนี้เป็นปัญหาสำคัญเลย คนที่ไม่มีบัตรก็จะมีปัญหาเยอะ แต่คนที่มีบัตรก็มีปัญหาเหมือนกัน เพราะโรงงานเก็บบัตรอนุญาตทำงานไว้ แรงงานเจ็บป่วยขึ้นมาก็ไปโรงพยาบาลไม่ได้นะ เจอตำรวจตรวจบัตรเข้าก็โดนจับเลย คนที่มีบัตรแต่เจ้าของโรงงานเก็บไว้ก็จะมีแต่แบบที่ถ่ายเอกสาร เอาให้ตำรวจดูก็ช่วยอะไรไม่ได้ เขาไม่เชื่อก็โดนจับกรือโดนปรับตลอด

ผมเคยได้ยินเรื่องแบบนี้เหมือนกัน แต่นึกว่าตำรวจจะเข้าใจว่านายจ้างชอบเก็บบัตรไว้เพราะกลัวแรงงานหนี จริงๆถ้าโชว์บัตรที่ถ่ายเอกสารมาก็น่าจะอลุ่มอล่วยบ้าง
โอ้ย เขาไม่ฟังครับ เขาทำกันแบบนี้แหละ ถ้าไม่มีบัตรมาแสดงก็ต้องไปโรงพัก

ดูเหมือนจะมีปัญหาหลายอย่าง แล้วองค์กรทำงานเรื่องอะไรบ้างครับ
เพราะมีปัญหาอย่างที่ว่ามา เราก็เลยทำกิจกรรมฝึกอบรมสิทธิมนุษยชน สิทธิแรงงานอพยพ สอนเรื่องประชาธิปไตยบ้าง เพราะจริงๆแล้วแรงงานทุกคนมีสิทธิเหมือนกัน แต่เจ้าตัวไม่รู้ งานของเราก็คือการให้ความรู้ตรงนี้ว่าเมื่อไหร่ที่เป็นการละเมิดสิทธิ อันนี้เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งของเรา

แล้วถ้ามีสมาชิกถูกละเมิดหรือถูกทำร้าย ทางสมาคมจะเข้ามาช่วยด้วยรึเปล่าครับ
อันนี้เป็นกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งของเรา คือการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย

ปกติแล้วสมาคมจะช่วยเหลือยังไงครับ
จริงๆมันมีกลไกทางกฎหมายอยู่ คือกฎหมายไทยเองก็คุ้มครองแรงงานทุกคน ทั้งแรงงานไทยและแรงงานอพยพ ปกติ กระทรวงแรงงานเขาจะมีสำนักงานแรงงานจังหวัด ถ้าแรงงานมีปัญหาก็ไปร้องเรียนได้ ถ้าไปที่สำนักงานแรงงานเขาก็จะให้กรอกใบคำร้อง คร. 7 เคยได้ยินใช่ใหม นั่นแหละ เราก็จะให้สมาชิกกรอกใบคำร้องก่อน หลังจากนั้นถ้ามีความคืบหน้าเราก็ช่วยเหลือไปตามกระบวนการ

ฟังดูเหมือนจะดีนะครับที่มีหน่วยราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง แล้วส่วนมากมีการร้องเรียนเรื่องอะไรครับ
ส่วนใหญ่จะฟ้องร้องเรื่องโรงงานเลิกจ้าง แล้วไม่จ่ายค่าจ้าง มันเหมือนกับว่าหลอกให้เขาทำงาน อันนี้เราก็จะฟ้องร้องไปจนถึงศาลแรงงาน เราทำมาหลายคดีแล้ว คนโดนโกงเยอะมาก

อย่างนี้แสดงว่าเจ้าหน้าที่แรงงานต้องรู้จักโกโมส่วยดีแน่เลย เขามีท่าทีอย่างไรกับสมาคมบ้าง
ปกติเราก็ไม่ได้รับความร่วมมืออะไรมากมาย เราช่วยให้คำแนะนำแรงงานให้กรอกใบคำร้อง เวลาไปที่สำนักงานเขาก็จะมีล่ามที่จ้างไว้มาคุยกับแรงงาน แต่ผมรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่แรงงานเขาก็มักไม่ค่อยอยากรับฟังจากแรงงานเท่าไหร่  เขาอาจจะฟังนายจ้างมากกว่า โรงงานเอาเอกสารอะไรมาให้ดูก็เชื่อหมด อาจจะเป็นของปลอมก็ได้ ผมก็ไม่รู้นะว่าจริงๆเขาเป็นยังไง   อีกอย่างคือล่ามของราชการเขาแปลไม่ตรงไปตรงมาเท่าไหร่ เขาเป็นลูกจ้างรัฐนะ เป็นคนไทยที่พอพูดภาษาพม่าได้ ผมรู้สึกว่าบ่อยครั้งที่เขาพยายามแปลเพื่อบอกให้แรงงานไม่เอาเรื่องนายจ้างนะ

พูดได้มั้ยว่ามีปัญหาคอรัปชั่น
คือผมมองว่าสมาคมนายจ้างที่นี่ร่ำรวยมาก พวกเขาใหญ่โตแล้วก็มีอิทธิพลมาก ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอันนี้หรือเปล่าที่ทำให้กระบวนการฟ้องร้องต่างๆล่าช้ามาก

ผมเข้าใจว่าการตัดสินใจฟ้องร้องนายจ้างในศาลหมายถึงคุณต้องตกงาน และเสี่ยงต่อการถูกจับส่งกลับพม่า
ใช่ครับ องค์กรเราจึงช่วยเหลือเพื่อนแรงงานระหว่างการฟ้องร้องด้วย เป็นกิจกรรมของสมาคมอีกอย่างหนึ่ง เราจะจัดหาที่พัก ชาวยหางานใหม่ให้ เพราะกว่าจะได้เงินชดเชยจากการฟ้องร้องนั้นนานมาก ผมจะยกตัวอย่างนึงนะ ตอนที่มีแรงงานโดนไล่ออก 150 คน และนายจ้างไม่จ่ายค่าแรงงวดสุดท้ายให้เขา แรงงานก็ไม่มีเงินเลย ต้องไปฟ้องร้อง ทางสำนักงานเขาให้กรอกใบคร.7 แต่เขาบอกว่าสามารถจัดการเรื่องได้วันละ 3 คน ทั้งหมดใช้เวลาในการรับเรื่องก็ปาไปแล้วตั้งหนึ่งเดือนครึ่ง ที่นั่งกันอยู่ด้านนอกโน่นก็เพิ่งโดนให้ออกจากโรงงานแล้วไม่จ่ายเงินเหมือนกันนะ น่าสงสารมาก

โรงงานที่ให้แรงงานออกโดยไม่จ่ายค่าจ้างนี่มีเยอะมั้ยครับ
ก็มีเยอะนะครับ ที่ผ่านมาเราช่วยฟ้องร้องไป 101 คดีแล้วในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา

แน่นอนว่านายทุนเจ้าของโรงงานเหล่านั้นต้องไม่พอใจการทำงานของสมาคมแน่นอนเลย
โอ๊ย เจ้าของโรงงานที่แม่สอดนี่นิสัยไม่ดีเยอะนะ รุนแรงมากด้วย ไม่พอใจใครก็ถึงกับสั่งฆ่ากันเลย ทุบตี ทำร้ายร่างกายแรงงานก็มีเยอะ คิดว่าพวกเจ้าของโรงงานบางคนคงจะมีเส้นสายของนายทหารสูงๆนะ เพราะมีบางครั้งถึงกับไปแจ้งตำรวจมาจับแรงงานส่งให้ทหารพม่าเลย ซึ่งร้ายกาจมาก เจ้าหน้าที่องค์กร สมาชิกก็ถูกขู่และทำร้ายเป็นประจำ ใครเป็นสมาชิกยองชิอูถือว่าเสี่ยงกันทุกคนครับ สามปีก่อนเพื่อนฝรั่งคนหนึ่งที่มาทำงานกับเราก็ถูกนายจ้างที่ไม่พอใจส่งลูกน้องมาเล่นงาน เขาถูกแทงทีท้อง เจ็บสาหัสเลย และยังรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่หลายคนจนเจ็บหนัก ผมเองนี่ก็ถูกสั่งเก็บเหมือนกัน

ผมพอจะนึกออกนะครับ เมืองไทยเรายังมีผู้มีอืทธิพลในท้องถิ่นจริงๆ แล้วโกโมส่วยไม่กลัวหรือครับทำงานเสี่ยงแบบนี้
ผมไม่กลัวหรอก ผมต้องการสนับสนุนหรือกระตุ้นแรงงานให้เรียกร้องสิทธิของพวกเขา ไม่ค่อยมีใครกล้าทำงานแบบนี้ เราต้องทำ แล้วผมก็ไม่กลัวด้วย

ผมเข้าใจว่างานแบบนี้มันไปขัดผลประโยชน์คนบางกลุ่ม แต่ผมก็เชื่อว่ามันเป็นงานที่มีคุณค่าและต้องอาศัยความกล้าหาญมากๆเลย
ครับ

แต่ผมเห็นว่ามีความพยายามแก้ปัญหาจากรัฐบาลและองค์กรภาคสังคมเหมือนกันนะครับ มีคนสนใจปัญหานี้มากขึ้นในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา อย่างการออกบัตรอนุญาติทำงานที่แต่ก่อนโน้นก็ไม่มี มันช่วยให้อะไรดีขึ้นบ้างไหม
การแก้ปัญหาของรัฐนั้นผมว่ายังไม่ตรงจุด บัตรอนุญาตทำงานตอนนี้ไม่มีความหมายอะไร ออกกฎใหม่ทุกปีๆ แต่นายจ้างหาช่องโหว่ได้ตลอด ที่แม่สอดนี่โรงงานบางแห่งจะมีคนสั่งสินค้าเข้ามาเป็นงวดๆ นายจ้างจะไล่คนออกหลังเสร็จงานงวดนั้นเลย เขาฉลาดมาก แล้วพอมีคนสั่งงานงวดใหม่มาเขาก็จ้างคนมาใหม่อีกที แล้วเขาจะเก็บบัตรอนุญาติทำงานของคนเก่าไว้โชว์ตำรวจ เขาก็ไม่ต้องจ่ายเงินทำบัตรใหม่ ตำรวจก็ไม่ได้เช็คจริงจังว่าบัตรนั้นตรงกับตัวคนรึเปล่า อย่างนี้แรงงานก็โดนหลอกได้ตลอด ผมไม่คิดว่ามันช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย

การหลอกลวงให้ทำงานหรือว่าโกงค่าจ้างนี่เกิดขึ้นเหมือนกันทุกที่เลยนะครับ
เท่าที่รู้ผมว่าสถานการณ์ก็คล้ายๆกันนะ ทั้งทางมหาชัย หรือทางภาคใต้ แต่ผมเข้าใจว่าที่อื่นแรงงานพม่ายังได้ค่าจ้างสูงกว่าแม่สอดอยู่บ้าง

มีข้อเสนอทางออกอย่างไรครับ เพื่อป้องกันการที่แรงงานถูกละเมิด
ข้อเสนอทางออกคือ แรงงานน่าจะสมัครกับราชการเองได้เองโดยไม่ต้องขึ้นกับนายจ้าง อันนี้น่าจะลดปัญหาได้ดีที่สุด

ครับ ผมก็คิดว่าเป็นทางออกที่ดี แต่บางทีรัฐไทยก็กังวลเรื่องความมั่นคงมากเกินไป ว่าแต่สมาคมยองชิอูทำงานร่วมกับองค์ไทยบ้างรึเปล่าครับ เพราะเห็นว่ามีการตั้งเครือข่ายเพื่อผลักดันการออกกฎหมายที่เป็นธรรมมากขึ้น
ครับเราก็เป็นเป็นสมาชิกเครือข่ายองค์กรแรงงานข้ามชาติ ปรึกษาหารือกันอยู่ตลอดครับ แต่งานของเราในส่วนการฟ้องร้องนั้นต้องอาศัยทนาย เราเองก็ทำงานร่วมกับทางสภาทนายความของไทยด้วย องค์กรแรงงานพม่าอื่นๆบางทีเขาก็จะติดต่อเรามาเวลามีปัญหาด้านกฎหมาย คือเขาก็ทำงานช่วยเหลือแรงงานที่มีปัญหาคล้ายกันกับเรา เราก็ต่างคนต่างทำกันไป มีที่ส่งต่อคดีมาให้เราบ้าง

แล้วกับองค์กรไทยละครับ ประสานงานกันบ้างมั้ย
ก็มีนะครับ ที่หลักๆเลยก็คือมูลนิธิหนึ่งที่ทำงานด้านสุขภาพกับการศึกษาของแรงงานอพยพ เป็นองค์กรที่สนับสนุนเราอย่างมาก เอ็นจีโอไทยที่ทำงานระดับพื้นที่จริงๆมีไม่มาก ส่วนมากถ้าเขารณรงค์กฎหมายก็จะทำในระดับประเทศ หรือถ้าทำงานในพื้นที่ก็จะเน้นให้การศึกษา ป้องกันโรคเอดส์ ทำเซฟเฮาส์ ซึ่งก็เป็นประโยชน์มากนะครับ อ้อ แล้วก็กรรมการสิทธิมนุษยชนของไทยก็เคยเข้ามาช่วยงานเรานะ

ไม่ทราบว่าทางสมาคมมีปัญหาในเรื่องงบประมาณการทำงานบ้างรึเปล่า
เราก็พออยู่ได้นะ ดีที่ผมเป็นสมาชิกเก่าของกลุ่มเอบีเอสดีเอฟ ตอนนี้เพื่อนๆหลายคนเขาไปอยู่ประเทศที่สาม มีงานทำดีๆก็มาก เพื่อนในต่างประเทศช่วยบริจาคเงินเป็นรายเดือนมาครับ เขาก็ช่วยเราได้มากเลย

งานของยองชิอูนี่ดูทั้งหนักละยาก คิดว่าที่ผ่านมานั้นได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
ผมคิดว่าเรามีส่วนช่วยให้ตอนนี้แรงงานหลายคนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ที่สำคัญคือคนเข้าใจสิทธิตนเองมากขึ้น มีความตระหนักมากขึ้น แม้ว่านายทุนยังคงใช้กำลัง ใช้ความรุนแรงและเส้นสายราชการ แต่ที่เราทำได้คือการสร้างคนที่มีความตระหนักในสิทธิของตัวเองและกล้าเรียกร้องเมื่อถูกละเมิด หลายคนที่โดนกระทำแย่ๆแต่ก็ไม่คิดเอาเรื่องนายจ้างก็มีนะครับ เขาอาจจะไม่อยากมีปัญหาเพิ่มขึ้น แต่เราดีใจที่เห็นคนที่เคยไม่มีความรู้อะไรเลยกลายเป็นคนที่กระตือรือร้น พวกเขามาจากครอบครัวยากจนนะครับ ไม่ได้เรียนหนังสือ แม้ว่าจะอยากเรียน มาที่นี่เราช่วยให้เขามีความรู้และตระหนักในสิทธิของตัวเองได้ อันนี้เป็นเรื่องที่ผมว่ามันดีมาก

ผมเห็นใจแรงงานพม่านะครับ อยู่พม่าก็โดนกดขี่ มาเมืองไทยก็โดนละเมิดอีกแบบหนึ่ง แล้วอย่างที่มีการเสนอเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจหรือว่าทำโครงการสร้างรายได้ในพม่า จะได้ลดปัญหาคนพม่าถูกเอาเปรียบโดยนายจ้างไทย คิดว่าจะเป็นทางออกที่ดีไหมครับ
ผมว่าถ้าโรงงานเข้าไปตั้งในพม่า สภาพชีวิตคนงานคงแย่กว่าอยู่เมืองไทยมาก เพราะที่นั่นทหารควบคุมทุกอย่าง คนที่จะเข้าไปช่วยก็ทำอะไรไม่ได้หรอกถ้าเขาจะรังแกประชาชน เคยมีนะ ที่แรงงานไปฟ้องร้องกับทหารว่าโดนนายจ้างเอาเปรียบ แทนที่รัฐบาลจะช่วยประชาชน แต่ไม่ล่ะ เขาเล่นงานแรงงานคนนั้นเลย โดนทหารจัดการแทนนายจ้างเสียอีก ทหารหาว่าเขาทำลายธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ

สถานการณ์ในพม่านี่เลวร้ายลงทุกวันจริงๆ ผมฟังอย่างนี้แล้วนึกอะไรไม่ออกเลยครับ
แรงงานสนใจแนวคิดสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้นนะ แต่ในพม่าไม่สามารถพูดได้ อย่างน้อยอยู่ที่นี่เราก็ยังทำงานให้ความรู้กับแรงงานได้

นอกจากงานเรียกร้องสิทธิแล้วยังมีงานอื่นๆด้วยใช่ไหมครับ
ใช่ครับ เรายังทำเซฟเฮาส์ด้วย สำหรับคนที่มีปัญหาฉุกเฉินหรือร้ายแรง แล้วก็มีงานสังคมสงเคราะห์ที่ทำอยู่คืองานศพ แรงงานหลายคนไม่มีเงินพอจัดงานศพ เราก็ประสานและได้รับความสนับสนุนจากวัดหลายแห่งด้วยให้ช่วยเผาศพให้ นอกนั้นก็จัดอบรมเรื่องงสิทธิแรงงาน แล้วก็ทำสิ่งพิมพ์ เป็นเหมือนจดหมายข่าว เป็นภาษาพม่า มีเนื้อหาหลายๆแนว ให้ความรู้แก่คนอ่าน ตอนนี้เรามีเจ้าหน้าที่ประจำ 7 คนช่วยกันทำงานทั้งหมดนี่แหละครับ

ถ้าเกิดมีการประสานงานกับหน่วยงานหรือกลุ่มคนไทยบ้างก็น่าจะดีนะครับ เผื่อจะช่วยสร้างความเข้าใจ
ผมก็เห็นด้วยนะครับ แต่ก็มีปัญหาที่เราพูดภาษาไทยไม่ได้ คงจะทำกิจกรรมกับองค์กรแรงงานไทยไม่ได้ และคิดว่างานรณรงค์เรื่องสิทธิแรงงานไทยควรเป็นเรื่องระหว่างคนไทยกับรัฐบาลไทยเอง ถ้าเราเข้าไปร่วมอาจจะมีคนไม่พอใจก็ได้ แต่เราก็ดีใจที่มีแรงงานไทยเห็นใจแรงงานพม่าเหมือนกัน ตอนนี้กลุ่มคนไทยที่เราติดต่อด้วยและให้ความร่วมมือดีกับเราก็คงมีแต่ทางวัด ที่ช่วยจัดงานศพไร้ญาติให้

คิดว่าคนแม่สอดโดยทั่วไปมีทัศนคติอย่างไรครับ
คนแม่สอดบางคนก็ไม่เข้าใจนะว่าแรงงานถูกละเมิด บางคนที่รู้ว่าเราทำงานแบบนี้ก็ไม่ชอบ คิดว่าจะทำลายธุรกิจแม่สอด ยิ่งสื่อท้องถิ่นด้วยแล้วเสนอข่าวแรงงานมีอคตินะผมว่า แต่นายจ้างที่ดีๆคนที่เห็นใจแรงงานก็มี

เมื่อมองปัญหาที่คนพม่าต้องเผชิญทั้งหมดแล้วโกโมส่วยมองว่าปัญหาอยู่ตรงไหน คิดว่าอยู่ที่รัฐบาลทหารพม่ารึเปล่า
แน่นอนครับ ผมต้องชี้นิ้วไปที่พวกนายพลทหารพม่าว่าเป็นตนตอปัญหาทั้งหมด รัฐบาลทหารพม่าบริหารจัดการประเทศผิดพลาด ไม่ต้องพูดถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายกาจ แต่บริหารประเทศยังไงคนถึงมีรายได้ไม่พอใช้กัน แถมยังเรียกเก็บภาษษีมากมาย อันนี้แหละผลักดันให้คนมาเมืองไทย มาที่นี่ก็มาเจอการละเมิดสิทธิอีก ผมนึกถึงคนที่ถูกฆ่าเพราะนายจ้างหาว่าขโมยของ มีเยอะนะ น่าสงสารมาก ที่แม่สอดนี่พบศพพม่าทุกเดือนนะตามพงหญ้า ป่าร้าง คนพม่าถูกฆ่าตลอดเวลา

โกโมส่วยอยากบอกอะไรกับคนไทยทั้งประเทศบ้างครับ
ผมอยากให้คนที่ไม่ชอบแรงงานพม่านึกว่าคนพม่าก็คน คนไทยก็คน อยากให้นึกถึงเหมือนๆกันนะครับ ผมว่าแรงงานพม่านี่ช่วยเศรษฐกิจไทย สังคมไทยเหมือนกัน ถ้าดูถนน หรือตึกที่มีให้เห็นทั่วไปนะครับ สร้างโดยแรงงานพม่ามากมายทุกหนแห่ง ผมอยากให้นึกถึงว่าแรงงานพม่าที่มาเมืองไทยนั้นเพราะเขาอยากดูแลครอบครัวตัวเองกันทุกคน ในพม่าเศรษฐกิจยากไร้มาก เขามาที่นี่เพื่อทำงานส่งเงินให้ครอบครัวเขา วันหนึ่งพวกเราต้องกลับไปพม่าอยู่แล้ว ผมอยากให้เขาเอาทัศนคติที่ดีต่อคนไทยกลับไป ไม่ใช่อคตินะ บางทีการทำร้ายคนพม่าตอนนี้จะกระทบอนาคต กระทบความรู้สึก ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคตด้วย…

- - - - - - - - - -

เราคุยกันไม่นานนัก แต่เรื่องราวของยองชิอูก็หนักอึ้งในความรู้สึก ในบ่ายวันนั้น ผมเดินกลับเข้าเมืองแม่สอดกลางแดดร้อนจ้า ทุ้งนาเวิ้งว้าง พงหญ้ารก สลับกับย่านเพิงพักอาศัยของแรงงานพม่าก่อนจะถึงเขตเมืองที่คราคร่ำด้วยรถราและผู้คนคือภาพที่อยู่ตรงหน้า แต่ในหัวผมมีภาพมืดสลัวของเรื่องร้ายที่คล้ายฉากในหนังมาเฟียตะวันตก ซึ่งไม่ต่างอะไรจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในเมืองชายแดนแห่งนี้

พระเอกของเรื่องมักเด็ดเดี่ยวและสู้ไม่ถอย และไม่บ่อยนักที่โจรจะกลับใจ ผมอดกลัวไม่ได้ว่าตอนจบของเรื่องจะเป็นอย่างไร ผมไม่อยากให้พระเอกของผมต้องเพลี่ยงพล้ำเหมือนในหนังบางเรื่อง เพราะนั่นคงทำให้โลกแห่งความจริงนี้โหดร้ายยิ่ง บางทีถึงผมจะบู๊ไม่เก่งแต่ก็อาจทำอะไรได้บ้างเหมือนกัน ในแบบและวิธีของตัวเอง และควรจะทำเสียตอนนี้เลย เพราะอย่างน้อย ในวันนี้ผมก็ได้เป็นเพื่อนพระเอกคนหนึ่งเหมือนกัน

คุณเองก็เชื่อเหมือนผมใช่ไหม ว่าในที่สุด ธรรมะย่อมชนะอธรรม.


------------------ล้อมกรอบ-------------------


เศรษฐกิจชายแดน กับการกดขี่แรงงานอพยพ

อำเภอแม่สอดของจังหวัดตาก เป็นหนึ่งในพื้นที่ชายแดนที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เมืองในหุบเขาเล็กๆที่เคยเรียกได้ว่าห่างไกลปืนเที่ยง มีประชากรไม่มาก และส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย บัดนี้กลายเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ หนึ่งในพื้นที่เป้าหมายของนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ขณะที่มีความพยายามจากภาคธุรกิจมาก่อนหน้านั้นแล้วเพื่อผลักดันการยกระดับอำเภอให้เป็นจังหวัดแม่สอด ด้วยเป้าหมายหลักเพื่อรองรับและส่งเสริมการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจแม่สอดอยู่บนฐานทรัพยากรแรงงานอพยพจากประเทศพม่า ที่หลบหนีการกดขี่ของรัฐบาลทหารเข้ามาทำงานในพื้นที่ชายแดนหลายทศวรรษแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนนับแสนคน และส่วนใหญ่ไม่มีบัตรอนุญาติทำงาน จึงเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิอยู่เสมอ ทั้งจากนายจ้าง นายหน้า และเจ้าหน้าที่รัฐ

กระแสการพัฒนาที่เปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรมมักตามมาด้วยการดึงดูดแรงงานจากชุมชนที่เคยทำไร่ไถนามาเป็นแรงงานในเมืองนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมชนบทและวิถีชีวิตแบบใหม่ของแรงงานอพยพ ทั้งที่เป็นการอพยพข้ามภูมิภาคภายในประเทศ หรือข้ามพรมแดนประเทศ เช่นที่หนุ่มสาวจากภาคอีสานของไทยเข้ามาหางานในกรุงเทพฯหรือไปไกลถึงตะวันออกกลาง และเช่นที่แรงงานจากเม็กซิโกข้ามแดนมารับจ้างทำงานในสหรัฐอเมริกา

ชุมชนต้นทางของแรงงานอพยพมักถูกกดดันจากความยากจน ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาภัยธรรมชาติหรือเพราะความล้มเหลวหรือไม่ใส่ใจในการพัฒนาชนบทของรัฐบาล จนส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำของรายได้และมาตรฐานความเป็นอยู่ ทว่าโดยมากแล้ว แรงงานอพยพกลับยังต้องพบกับแรงกดดันในชีวิตรูปแบบใหม่ทั้งจากความไม่ปลอดภัยในการทำงาน การกดขี่ค่าแรง และความไม่มั่นคงในการจ้างงาน ขณะที่แรงงานอพยพข้ามชาติมักเผชิญการกดขี่ยิ่งกว่าทั้งเพราะสถานะทางกฎหมาย และอคติทางชาติพันธุ์ในประเทศที่มาทำงาน

ดังเช่นที่แรงงานอพยพชาวเม็กซิกันนั้นต้องเดินทางข้ามทะเลทรายที่หนาวเย็นในยามค่ำและร้อนระอุในเวลากลางวันนับสัปดาห์ เพื่อมาทำงานในไร่ขนาดใหญ่ตามรัฐต่างๆทางใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งมักถูกขบวนการนายหน้าหลอกให้ทำสัญญาผูกมัดที่เอาเปรียบค่าแรง ไม่จัดหาที่อยู่และบริการสุขภาพให้ ขณะที่นายจ้างหลายรายกักขังพวกเขาราวทาสรับใช้ในอดีต

ด้วยพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพในการรวมกลุ่ม ทำให้แรงงานไทยประสบความสำเร็จในการเรียกร้องให้รัฐบาลคุ้มครองสิทธิแรงงานและยกระดับมาตรฐานการจ้างงานและสวัสดิการแรงงาน ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วในประเทศพัฒนาอื่นๆ ที่รัฐเคารพต่อสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของประชาชน และแม้นายทุนจำนวนมากจะยังพยายามเลี่ยงกฎหมายและหาช่องทางการขูดรีดแรงงานด้วยวิธีการใหม่ๆ เช่นการจ้างแรงงานนอกระบบ และพยายามผลักดันกฎหมายการจ้างงานที่เอาเปรียบอยู่เสมอ ทว่าสหภาพแรงงานและองค์กรแรงงานก็ยังมีช่องทางในการเรียกร้องการชดเชยการละเมิดสิทธิแรงงานที่เกิดขึ้น และมักได้รับความสนับสนุนจากเครือข่ายประชาชนอื่นๆที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มธุรกิจที่เอาเปรียบแรงงาน ในขณะที่แรงงานอพยพข้ามชาติกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของนายทุนที่มุ่งสร้างกำไรสูงสุดจากการกดค่าแรง ซึ่งในหลายกรณีนำไปสู่การปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายและใช้อิทธิพลเหนือเจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่น

เช่นเดียวกับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และอำเภอเมือง จังหวัดระนอง อำเภอแม่สอดซึ่งมีเพียงแม่น้ำเมยไหลกั้นเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างไทย-พม่าเป็นประตูหลักที่ขบวนการนายหน้านำพาประชาชนชาวพม่าจากหลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์จากหลายภูมิภาคเข้ามาทำงานรับจ้างในประเทศไทย แรงงานอพยพจากพม่าที่แม่สอดมีทั้งชาวกะเหรี่ยง มอญ พม่า และ พม่ามุสลิม ซึ่งอาจมีจำนวนรวมกันมากกว่าคนไทยในพื้นที่ถึงสามเท่าตัว โดยมากทำงานในโรงงานเสื้อผ้า อาหารสำเร็จรูป งานก่อสร้าง แรงงานในไร่นา ตลอดจนคนงานในร้านขายของ ร้านอาหาร และคนช่วยงานในบ้าน

ผู้ที่เดินทางไปแม่สอดเป็นครั้งแรกอาจประหลาดใจกับภาพของชุมชนที่แปลกตาเพราะความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชุมชนผู้อพยพจากพม่า ซึ่งมีทั้งผสมกลมกลืนอยู่กับประชาชนท้องถิ่น และที่กระจายตัวอยู่เฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้ แม่สอดยังเป็นพื้นที่ปฏิบัติการขององค์กรมนุษธรรมจากต่างประเทศจำนวนมากที่เข้ามาทำงานด้านสุขภาพและการศึกษาของแรงงานอพยพ และที่ให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามจากพม่าที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยชายแดนของจังหวัดตากซึ่งมีจำนวนรวมกว่าแปดหมื่นคนโดยเฉพาะ แน่นอนว่ากิจกรรมทางมนุษยธรรมจากองค์กรต่างประเทศซึ่งดำเนินการมากว่าสองทศวรรษเหล่านี้มีส่วนในการนำเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในพื้นที่อำเภอแม่สอดเป็นจำนวนไม่น้อยด้วยเช่นกัน

ความเป็นพื้นที่พิเศษของอำเภอแม่สอดยังรวมถึงแง่มุมอัปลักษณ์ของอิทธิพลมืดและธุรกิจผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องการการค้ามนุษย์และแรงงานอพยพจากพม่า เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ประชาชนทั่วไปจะรับรู้ข่าวการตายของแรงงานพม่าในแม่สอด ที่บ่อยครั้งเป็นการฆ่าอย่างโหดเหี้ยม และไม่มีการติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษ ซึ่งในความเป็นจริงมักเกี่ยวข้องกับขบวนการนายหน้า และการใช้ความรุนแรงตามอำเภอใจโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายโดยมีอคติต่อคนพม่าเป็นพื้นฐาน แม้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายๆองค์กรจะพยายามเปิดเผยการละเมิดสิทธิแรงงานและการกระทำโหดเหี้ยมหลายๆกรณีในหลายปีที่ผ่านมา แต่การข่มขู่คุกคามแรงงานพม่าและนักเคลื่อนไหวในพื้นที่จากกลุ่มนายทุนและผู้มีอิทธิพลก็เพิ่มระดับขึ้นไปพร้อมกัน

การพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองไม่ควรละเลยความเป็นธรรมทางสังคมควบคู่กันไปด้วย แนวคิดการพัฒนาเมืองแม่สอดจึงไม่ควรยืนอยู่บนฐานของการกดทับสภาพปัญหาที่แรงงานอพยพจากพม่าซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจแต่ถูกขูดรีดและปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หากแม่สอดจะได้รับการยกสถานะเป็นจังหวัดหรือกลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษก็ควรเร่งสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรมต่อแรงงานอพยพควบคู่กันไปด้วย เพราความยั่งยืนของเศรษฐกิจแม่สอดยังรวมถึงการเชื่อมต่อเข้ากับเศรษฐกิจของพม่าที่จะเปิดกว้างมากขึ้นในอนาคต ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าทัศนคติที่ไม่ดีระหว่างประชาชนของสองประเทศย่อมจะเป็นอุปสรรคต่อการการค้าการลงทุนระหว่างกัน ดังเช่นที่การปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมของนายทุนและเจ้าหน้าที่รัฐของสหรัฐฯที่มีต่อแรงงานอพยพชาวเม็กซิกันยังเป็นประเด็นปัญหาที่สั่นคลอนความสัมพันธ์ของประเทศทั้งสองเสมอมา.