การเข้ามาของอังกฤษในพม่าแบ่งออกเป็น ๓ ช่วงคือ ปีค.ศ.๑๘๒๖ ค.ศ.๑๘๕๒ และ ค.ศ.๑๘๘๖ หลังจากนั้นอังกฤษได้จัดการผนวกส่วนต่าง ๆ ของพม่าไว้เป็นมณฑลหนึ่งของอินเดีย ซึ่งถือว่าเป็นความผิดพลาดของนโยบายปกครองอาณานิคมและส่งผลกระทบต่อประเทศพม่าในเวลาต่อมาอย่างมาก เนื่องจากระยะที่อังกฤษเข้าปกครองอินเดียงและพม่า อังกฤษได้ใช้แผ่นดินพม่าเป็นยุ้งฉางในการหล่อเลี้ยงข้าวให้กับอาณานิคมอินเดียซึ่งมีประชากรเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อังกฤษดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในกากรผลิตข้าวจำนวนมากขึ้น ด้วยการปรับปรุงดินแดนพม่าตอนล่างให้กลายเป็นแหล่งผลิตข้าวขึ้นมา เนื่องจากแผ่นดินพม่าตอนล่างแต่เดิมมีปัญหาเรื่องน้ำทะเลหนุนทำให้เพาะปลูกไม่เต็มที่ อังกฤษจึงขุดคลองเพื่อเชื่อมแม่น้ำสายใหญ่ จนกระทั่งสามารถบุกเบิกที่นาแปลงใหม่ในดินแดนพม่าตอนล่างทำให้ผู้คนอพยพเข้ามาอาศัยอยู่เพิ่มมากขึ้น จนภายในระยะเวลาไม่กี่สิบปีต่อมา พม่าได้กลายเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก ในช่วงนี้อังกฤษได้กระตุ้นแรงงานต่างชาติคือ อินเดียและจีนเข้ามาในพม่าด้วยเช่นกัน ทำให้บริเวณพม่าตอนล่างกลายเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยชนชาติต่าง ๆ
ผลจากการบุกเบิกที่นาใหม่ และกระตุ้นให้คนผลิตข้าวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนพม่าเกิดปัญหาใหญ่ตามมาคือ หนี้สินชาวนา เนื่องจากการอพยพบุกเบิกที่ดินใหม่ จำเป็นต้องหาทุนมาทำการหักร้างถางพง ซึ่งต้องเริ่มด้วยการกู้หนี้ยืมสิน และเมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ ทำให้ราคาข้าวลดลงในช่วงปี ค.ศ.๑๙๓๐ ชาวนาพม่าจึงมีหนี้สินพะรุงพะรัง จนมีผู้สรุปปัญหาของพม่าในยุคอาณานิคมว่า "การแปรสหภาพพม่าให้เป็นยุ้งฉางทางการค้า และเป็นผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลกนั้น นำมาซึ่งปัญหาการเช่าที่ดิน การกู้หนี้ยืมสิน และการถูกขับไล่ออกจากที่ดินทำกินของตนในที่สุด"
ทางด้านการปกครองชาวพม่าและชนชาติต่างๆ อังกฤษใช้นโยบายแบ่งแยกและปกครอง (Divide and rule) ซึ่งได้กลายเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาสงครามกลางเมืองในประเทศพม่ามาจนถึงปัจจุบัน อังกฤษแบ่งเขตการปกครองออกเป็นสองเขตคือ พม่าแท้ และชายแดน โดยให้สิทธิด้านการปกครองกับชนชาติในเขตชายแดนบางกลุ่มเป็นเอกเทศ อาทิ การประกาศให้รัฐฉานเป็นสหพันธรัฐฉาน ยินยอมให้เจ้าฟ้าไทยใหญ่อำนาจในการบริหารตนเอง โดยอังกฤษคอยเก็บภาษีและเฝ้าควบคุมอยู่ห่าง ๆ หรือการรับชาวกะเหรี่ยงเข้ารับราชการทหารและตำรวจคอยปราบปรามกลุ่มต่อต้านชาวพม่า ส่งผลให้ชาวพม่ารู้สึกโกรธแค้นและชิงชังชนชาติกะเหรี่ยง รวมทั้งชนชาติอื่นๆ ที่ไม่ใช่พม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นสงครามกลางเมือง สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน