ลองจินตนาการดูว่า ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เดินทางมาจากประเทศพม่า เคยอาศัยอยู่ภายใต้อำนาจของผู้กดขี่ข่มเหง ไร้ซึ่งอิสรภาพ ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวทหารพม่าอยู่ตลอดเวลาแล้วสุดท้าย คุณก็ถูกบีบให้ต้องระหกระเหินเร่ร่อนหนีออกจากแผ่นดินเกิดของตน เพื่อหาสถานที่หลบลี้หนีภัยในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่ได้ชื่นชมยินดีกับการเดินทางมาของคุณแต่อย่างใด พวกเขามักจะเรียกคุณว่า "คนต่างด้าว" และปฏิบัติต่อคุณด้วยกิริยาดูถูก คุณจะรู้สึกอย่างไรบ้างที่ต้องเจอสถานการณเช่นนี้
ฉันเขียนแบบนี้ก็เพราะอยากให้คุณได้รับรู้ความรู้สึกของฉันแม้เพียงเสี้ยวหนึ่งก็คงจะดี
ฉันเป็นชาวกะเหรี่ยงคนหนึ่ง หมู่บ้านของฉันอยู่ไม่ไกลจากชายแดนบริเวณจังหวัดกาญจนบุรีมากนัก ฉันสามารถเดินทางโดยเท้ามายังประเทศไทยโดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 วัน และหากนั่งรถยนต์มาตามถนนที่เต็มไปด้วยโคลนก็จะใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ก่นหน้าที่พ่อกับแม่ของฉันจะมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ เขาอยู่ที่หมู่บ้านอื่นมาก่อน ซึ่งใช้เวลาเดินทางโดยเรือหางยาวล่องมาตามแม่น้ำตะนาวศรี 2 วัน พ่อกับแม่หนีการกดขี่ข่มเหงของทหารพม่ามาจากที่นั่น แม่ต้องคลดอฉันกลางป่า หลังจากหนีหัวซุกหัวซุน
ฉันเติบโตในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งชาวบ้านทำนาหาเลี้ยงชีพ ฉันร้านโรงเรียนไปหลายแห่ง จนกระทั่งปีสุดท้ายของไฮสคูล ฉันเรียนไม่จบเพราะถูกทหารพม่ารังควาญ
พ่อกับแม่อยากให้ฉันเป็นหมอ แต่ฉันฝันอยากเป็นวิศวกร แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อแถวนี้ ไม่มีมหาวิทยาลัยแม้แต่แห่งเดียว แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไร แต่ฉันก็ยังคงมีฝันที่จะได้เรียนในมหาวิทยาลัยและทำงานเพื่อชุมชนเมื่อเรียนจบ ซึ่งเป็นไปได้ยากเหลือเกิน
ตอนที่ฉันอยู่ในหมู่บ้าน ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคนไทยสักเท่าไหร่ มีคนไทยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านของเราและเดินทางมาค้าขายบ้างแต่ก็ไม่มาก คนกะเหรี่ยงบางคนอยากให้ลูกหลานแต่งงานกับคนชาติอื่น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความรักได้ คนไทยบางคนแต่งงานกับสาวกะเหรี่ยงและเป็นเพื่อนที่ดีของคนกะเหรี่ยง โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ใกล้กับชายแดนซึ่งเราใช้ชีวิตร่วมกันอยู่
ในปี 1997 ฉันต้องหนีทหารพม่าเข่ามายังฝั่งประเทศไทยโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน เมืองไทยเป็นเสมือนอีกโลกกับประเทศพม่า เมื่อได้เห็นเด็กไทยได้เรียนในมหาวิทยาลัย มันทำให้ฉันรู้สึกอยากเรียนในมหาวิทยาลัยจนแทบจะทนไม่ไหว แต่ความจริงก็คือชีวิตของฉันยังไม่มีความปลอดภัยใด ๆ เพราะฉันไม่มีบัตรประชาชนเหมือนคนไทย พูดภาษาไทยไม่คล่อง มีหลายครั้งที่ฉันไปซื้อของ พอคนขายบางคนได้ยินสำเนียงแปลก ๆ ของฉันท่าทีก็เปลี่ยนไป ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาคิดอย่างไรกับฉัน แต่สิ่งที่ฉันแน่ใจคือฉันแตกต่างไปจากชาวต่างประเทศจากโลกตะวันตก ฉันเป็นเพียงคนพม่าหรือคนต่างด้าว
คนไทยและคนพม่าจะเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดกัน แต่เหตุไฉนเรากลับทำตัวเหมือนว่าอยู่ไกลกันเกินกว่าที่จะมองตา เข้าใจ และเชื่อใจกันได้
ลองจินตนาการดูว่าวันนั้นจะสวยงามเพียงใด หากเราเข้าใจเชื่อใจกันและกัน สามารถไปมาหาสู่กันและกันอย่างเสรี โดยที่ไม่สามารถขวางกั้นความรักระหว่างสาวกะเหรี่ยงกับชายไทยได้ ฉันก็หวังว่าสักวันหนึ่งมิตรภาพของเราทั้งสองประเทศก็คงจะไม่มีเขตแดนมาขวางกั้นอีกต่อไป