ยุทธการตามล่าช้างเผือกของผู้นำทหารพม่า

ภาพ Narinjara.com


ช้างเผือกเป็นสัตว์ที่คนในอุษาคเนย์เชื่อกันว่าเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง คุ่บุญบารมี หากใครพบเห็นช้างเผือกในป่าแห่งหนใดก็จับมาถวายหรือมอบให้แก่ผู้ปกครอง

บรรดาทหารพม่าเป็นกลุ่มผู้ปกครองนิยมชมชอบช้างเผือกไม่น้อยหน้ากว่าผู้ปกครองประเทศใด รวมทั้งยังมีความเชื่อว่าช้างเผือกเป็นเสมือนเทพแห่งโชคลาภองค์หนึ่ง โดยเชื่อว่าการได้พบช้างเผือกเป็นนิมิตหมายในการนำประเทศพม่าพ้นภัย รอดพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่รุมเร้าอยู่ไปได้ ด้วยเหตุนี้เมื่อมีคนมาบอกว่า เห็นช้างเผือกอยู่แห่งหนใดของประเทศพม่า บรรดาท่านนายพลก็จะออกคำสั่งให้ตามล่าหาช้างเผือกทันที


และนี่คือยุทธการตามล่าหาช้างเผือกที่ขึ้นชื่อว่ารูปงามทที่สุดในดินแดนเจดีย์พันองค์ ข้อมูลเหล่านี้ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของรัฐบาลพม่าชื่อว่า www.myanmar.com

ช้างเผือกรูปนี้ถูกพบในป่าแถวในเมืองบุทิดงและเมืองดอว์ เขตรัฐยะไข่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือติดหับประเทศบังคลาเทศเมื่อปลายปี 2001 หลังจากนายพลขิ่น ยุ้นท์ทราบข่าวว่ามีช้างเผือกอยู่ในป่าแห่งนี้ ท่านนายพลจึงออกคำสั่งให้จัดทีมออกตามล่าหาช้างเผือก

ทีมสำรวจเริ่มออกตากหาช้างเผือกตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2001 เจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ส่วนกลาง ทำการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในรัฐยะไข่หลายหน่วยงานรวมทั้งหน่วยข่าวกรอง หน่วยงานภายใต้บังคับบัญชาของนายพลขิ่น ยุ้นท์ ซึ่งตามปกติ เป็นหน่วยงานคอยหาข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่เป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง แต่งานนี้ต้องผันตัวเองมาทำหน้าที่หาช้างเผือกเพื่อเสริมบารมีให้กับผู้นำประเทศ

ทีมสำรวจแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มกระจายออกไปตั้งค่ายพักแรมตามหมู่บ้านต่าง ๆ ตลอดเวลาร่วมเดือนตั้งแต่ก่อนปลายธันวาคม 2001 จนถึงปลายเดือนธันวาคม 2001 จนถึงปลายเดือนมกราคม 2002 หลังจากพบโขลงช้างไปแล้ว 250 ตัว ในที่สุดวันที่ 25 มกราคม ความฝันของทุกคนก็เป็นจริงเมื่อเห็นช้างเผือกรูปงามยืนโดดเด่นท่ามกลางเพื่อช้างอีก 18 ตัว บริเวณใกล้กับลำน้ำสาขาของแม่น้ำเกียงกะยี ในเมืองดอว์ รัฐยะไข่

หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์การเคลื่อนไหวของโขลงช้างตลอดวันที่ 26-27 มกราคม แผนรวบหัวรวบหางช้างเผือกรูปงามจึงเริ่มต้นขึ้นระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับพักเก็บตัวสำหรับสำหรับหารฝึกให้เชื่อง

ตกเย็นวันที่ 28 มกราคม เวลาใกล้พระอาทิตย์ตกดิน ช้างเผือกกับช้างอื่น ๆ รวม 4 ตัว กำลังเดินเล่นอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า เจ้าหน้าที่จึงรีบยิงปืนยาสลบเข้าใส่ช้างเผือกรูปงามสลบไปในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง

สี่เดือนต่อมา หลังจากเก็บตัวจนฝึกให้เชื่อง ช้างเผือกรูปงามก็ถูกส่งผ่านทางเรือจากเมืองท่าซิดตวยสู่เมืองหลวงกรุงย่างกุ้งให้บรรดานายพลได้ยลโฉม

หลังจากบรรดานายพลได้ยลโฉมใกล้ ๆ ก็พบว่าช้างเผือกตัวนี้มีคุณสมบัติของช้างเผือกที่ดีครบทุกอย่าง คือ มีตาสีไข่มุก กีบเท้าสีขาว แผ่นหลังลาดเอียงเหมือนก้านกล้วย ขนตามลำตัวและที่หางมีสีขาว หูมีขนาดใหญ่กว่าช้างทั่วไป ขนคิ้วสีเหลือง หนังตาสีแดง หากยืนเทียบกับเพื่อนช้างอื่น ๆ ที่มีผิวดำ รูปร่างขาวเผือกก็จะถูกขับให้เด่นเป็นสง่ายิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งยามสายฝนพรำ ผิวสีขาวเผือกก็จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมขาว และหากสัมผัสแสงแดดของฤดูหนาว สีของมันก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมแดงปานกลาง

นอกจากนี้ เจ้าช้างเผือกรูปงามยังเป็นช้างพลายแถมมีงาหนึ่งคู่อีกด้วย บรรดานายพลได้เห็นจึงปลาบปลื้มเป็นการใหญ่ เนื่องจากเชื่อว่าช้างเผือกจะปรากฏออกมาให้เห็นในช่วงที่กษัตริย์หรือรัฐบาลผู้ปกครองมีบุญบารมี ปกครองปะเทศด้วยทศพิธราชธรรมและนิมิตหมายอันดีว่าประเทศกำลังจะเจริญรุ่งเรือง ผืนดินเต็มไปด้วยผลผลิต น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ บ้านเมืองสงบสุขและมั่นคง

จากคุณสมบัติที่ผ่านมา ช้างเผือกเชือกนี้จึงได้รับการต้อนรับอย่างดีจากบรรดานายพล พิธีเฉลิมฉลองจัดขึ้นในวันที่ 14 พย. 2002 โดยนายพลเอกตานฉ่วย ตั้งชื่อให้กับช้างเผือกเชือกนี้ว่า “ Yaza Gaha Thriri Pissaya Gaza Yaza”

การเฉลิมฉลองเกิดขึ้นอย่างใหญ่โต ช้างเผือกได้รับการแต่งองค์ทรงเครื่องคล้ายช้างของกษัตริย์ในยุคอดีต เคลื่อนตัวไปบนขบวนรถบุพผาชาติแห่ไปรอบเมือง บรรดานายพลกล่าวปราศรัยกับสาธารณชน รวมทั้งให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงนิมิตหมายอันดีของการเจอช้างเผือกเชือกนี้ว่า ขณะนี้ประเทศพม่ามีช้างเผือกถึงสามเชือก สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศของเรากำลังเจริญรุ่งเรือง

ท่ามกลางความปีติยินดีของผู้นำทหาร ดร.ตาน ทุน นักประวัติศาสตร์และคอลัมนิสต์ชื่อดังแห่งนิตยสารกัลยาของพม่า ได้เขียนบทความแสดงความเห็นซึ่งขัดแย้งต่อความเชื่อของบรรดาท่านนายพลโดยกล่าวว่า “ความเจริญของประเทศไม่เกี่ยวกับช้างเผือกแต่อย่างใด เพราะช้างจะเผือกหรือดำก็เป็นเพียงสัตว์ชนิดหนึ่งเท่านั้น” บรรดาท่านนายพลก็แสดงความไม่พอใจอย่างมาก โดยสั่งปลด ดร.ตาน ทุนออกจากตำแหน่งคอลัมนิสต์ของนิตยสารฉบับดังกล่าวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ความเชื่อของบรรดาท่านนายพลจะเป็นความจริงหรือไม่นั้น ประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย คงต้องเฝ้ารอดูกันต่อไป แต่ที่แน่ ๆ หากผู้นำพม่ามัวแต่ปลื้มกับการพบช้างเผือกลืมบริหารประเทศตามหลักทศพิธราชธรรม หรือธรรมะสิบประการของผู้ปกครองที่ดี ถึงจะมีช้างเผือกสักร้อยก็คงไม่ช่วยให้ประเทศพม่าเจริญรุ่งเรืองหรือรอดพ้นจากวิกฤติไปได้