จินตนาการมีพรมแดนในโลกวรรณกรรมพม่า

โดย ธันวา สิริเมธี



อาจกล่าวได้ว่า งานเขียนเป็นงานที่ต้องอาศัยจินตนาการผสานกับสภาพความเป็นจริงในสังคม เมื่องานเขียนตกอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองแบบเผด็จการทหาร ซึ่งควบคุมการแสดงออกทางความคิดของประชาชน จินตนาการในงานเขียนจึงถูกจำกัดตามไปด้วย ประเทศพม่าเป็นประเทศหนึ่งที่ยังคงปกครองด้วยระบอบเผด็จการทหารอย่างเข้มข้น จินตนาการในโลกวรรณกรรมพม่าจึงถูกควบคุมไว้ในพื้นที่จำกัด และนักเขียนผู้เป็นเจ้าของจินตนาการจะต้องยืนหยัดอยู่บนเส้นทางนี้อย่างกล้าหาญอดทน ดังเช่น นักเขียนหญิงชาวพม่าคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า

“ในประเทศพม่า ชนชั้นที่ลำบากที่สุดและมีอุดมการณ์มั่นคงที่สุดเห็นจะเป็นชนชั้นนักเขียนที่ยืนหยัดอยู่บนเส้นทางของตนเอง”


แวดวงสื่อสิ่งพิมพ์ในพม่า

หากจะแบ่งประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ หลังจากที่กองทัพได้ยึดอำนาจในช่วงปี 1988 จนถึงปัจจุบันมีสิ่งพิมพ์ที่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ได้ดังนี้ คือ

1. วารสารข่าวเศรษฐกิจ
การเขียนถึงเรื่องเศรษฐกิจกับรูปแบบกลไกทางการตลาดแบบใหม่นั้น ถือเป็นข้อแตกต่างที่สำคัญข้อหนึ่งที่ต่างไปจากสมัยสังคมนิยม ในสมัยสังคมนิยมจะเขียนเฉพาะที่เป็นเรื่องเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมเท่านั้น แต่ตอนนี้มีการทำสื่อที่เป็นวารสาร นิตยสารทางเศรษฐกิจกันอย่างมากมาย ซึ่งวารสารเหล่านี้ได้ทำให้ทัศนะมุมมองต่อเศรษฐกิจพม่ากว้างขวางขึ้นกว่าแต่ก่อน ถึงแม้ว่ารูปแบบของเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงไปแต่สำหรับเศรษฐกิจของพม่าก็ยังคงย่ำแย่อยู่นั่นเอง ดังนั้นในช่วงปัจจุบันจึงได้มีงานเขียนประเภทยกระดับจิตใจ ซึ่งจะเป็นงานที่เขียนขึ้นเพื่อทำให้เศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า กระตุ้นเตือนชาวพม่าให้กระตือรือร้น บอกว่าถ้ายากจนแต่หากขยันก็สามารถจะประสบความสำเร็จได้ ยากมากที่จะทราบว่ามีกี่คนที่ประสบความสำเร็จจากการอ่านงานในลักษณะนี้แต่ทั้งนี้ก็สามารถที่จะทราบได้อย่างแน่นอนว่ามีนักเขียนและผู้พิมพ์ที่ประสบความสำเร็จจากการเขียนและการพิมพ์วารสารข่าวทางเศรษฐกิจ

2. วารสารข่าวต่างประเทศ
หลังจากกองทัพเผด็จการทหารได้ทำการยึดอำนาจ พื้นที่ในแวดวงสื่อพม่าก็มีเรื่องของนานาประเทศมากขึ้น มีการเขียนเกี่ยวกับเรื่องนานาประเทศ อาทิ เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและสภาพความเป็นอยู่ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อสมัยสังคมนิยมจะหาอ่านเรื่องที่เกี่ยวกับต่างประเทศได้ยากมาก คือในสมัยนั้นไม่ได้รับสิทธิ์ให้เขียนกันมากนัก ถ้าหากอยากอ่านเรื่องต่างประเทศ ก็จะต้องพึ่งห้องสมุดของสถานทูตต่าง ๆ หรือไม่ก็ร้านหนังสือเก่า ๆ เล็ก ๆ ริมถนนเท่านั้น ปัจจุบันสามารถหาอ่านวารสาร ข่าวต่างประเทศได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน แต่ทั้งนี้ก็ยังมีวารสารข่าวต่างประเทศอีกจำนวนมากมายที่ถูกปิดและไม่ให้สิทธิ์ในการอ่าน ที่จริงแล้วไม่ใช่เพียงแค่วารสารข่าวต่างประเทศเท่านั้น แม้แต่วารสารที่พิมพ์เผยแพร่ในประเทศบางฉบับก็มักจะได้รับการเซ็นเซอร์อยู่บ่อย ๆ ไม่มีการอนุญาตให้พิมพ์วารสารต่าง ๆ ของพรรคการเมืองที่ถูกกฎหมาย

3. หนังสือพิมพ์
หนังสือพิมพ์รายวันยังคงไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อน กองทัพยังเป็นผู้ควบคุมการพิมพ์เผยแพร่อยู่ จำนวน หนังสือพิมพ์ในปัจจุบันมีจำนวนน้อยกว่าเมื่อก่อน สำหรับชาวพม่าแล้ว ความหมายของคำว่าหนังสือพิมพ์ก็คือหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อเผยแพร่นโยบายของผู้นำ เรื่องผู้นำปราบปรามฝ่ายต่อต้าน หรือ ข่าวงานแต่ง งานบวช งานศพของของกลุ่มชนชั้นนำ นอกจากนี้ ระบบการศึกษาในพม่ายังไม่เปิดโอกาสให้มีการเรียนการสอนสาขาวิชาสื่อสารมวลชน การพัฒนาคุณภาพของนักข่าวในพม่าจึงเป็นไปได้ยาก นักข่าวที่ต้องการพัฒนาคุณภาพมักต้องออกมาเข้ารับการอบรมนอกประเทศ แต่เมื่อกลับเข้าประเทศพม่า นักข่าวก็ยังประสบกับปัญหาเสรีภาพสื่อซึ่งไม่เปิดโอกาสให้นำเสนอข่าวอย่างเสรีเช่นเดียวกับประเทศประชาธิปไตย ประชาชนในพม่าจึงไม่นิยมอ่านหนังสือพิมพ์ เพราะไม่สามารถรับรู้ข่าวสารที่เป็นความจริงจากสื่อที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล


4. วารสารหรือนิตยสารเพื่อความบันเทิง 
วารสารเพื่อความบันเทิงแบ่งออกเป็นวารสารรายสัปดาห์ รายปักษ์ และรายเดือน โดยส่วนใหญ่เป็นวารสารแวดวงบันเทิง ผู้หญิง และกีฬา ปัจจุบันมีวารสารรายสัปดาห์เกือบ 100 ฉบับ วารสารรายเดือนอีกกว่า 100 ฉบับ วารสารที่มีเพิ่มจำนวนมากขึ้นทำให้นักเขียนมีพื้นที่ในการเขียนเพิ่มมากขึ้น เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ ราคาข้าวของเพิ่มสูงขึ้น บรรดานักเขียนจึงเร่งผลิตงานเขียนส่งไปวารสารต่าง ๆ จนมือเป็นระวิง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะบทความสั้น ๆ หรืองานเขียนประเภทเรื่องสั้น นักเขียนนวนิยายเรื่องยาวก็หันมาเขียนเรื่องสั้นกันมากขึ้นเพราะสามารถส่งไปตีพิมพ์ตามวารสารต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าเรื่องสั้น นวนิยายรักและอิงประวัติศาสตร์ วรรณกรรมประเภทนี้มีจำนวนมากที่สุดในท้องตลาด เพราะเป็นงานเขียนที่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่จากรัฐบาล โดยงานเขียนเกี่ยวกับความรักจะต้องอยู่ในกรอบศีลธรรม หรือไม่เกี่ยว กับการเมือง ส่วนงานเขียนอิงประวัติศาสตร์จะต้องเป็นประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลยอมรับ มิใช่ประวัติศาสตร์ของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล


5. วรรณกรรมเยาวชน
ในสมัยสังคมนิยมเคยมีนักเขียนวรรณกรรมเยาวชนที่มีชื่อเสียงหลายคน อาทิ ฉเหว่ตเว เต่ชะโมเต้าก์ปาน ในปัจจุบันแม้ว่าคุณภาพของการพิมพ์จะพัฒนาดีขึ้นกว่าเก่า แต่นักเขียนวรรณกรรมเยาวชนกลับมีจำนวนน้อยลง และยังไม่สามารถ เข้าถึงกลุ่มเยาวชนได้มากไหร่

ชีวิตนักเขียน

นักเขียนในพม่าแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ นักเขียนที่เขียนงานให้กับรัฐบาล กับนักเขียนที่เขียนงานตามจุดยืนของตนเอง นักเขียนประเภทแรกพบเห็นได้ในหนังสือพิมพ์ของรัฐบาล เช่น นางมะติ่นวิน คอลัมน์นิสต์หญิงแห่งหนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนร์มาร์ ซึ่งเคยเขียนบทความดูหมิ่นพระนเรศวรจนเป็น

“สงครามน้ำหมึก” กับคนไทยบนหนังสือพิมพ์ฉบับวันที่ 28 และ 29 พฤษภาคม 2545 จนถูกแบล็คลิสต์ห้ามเข้าเมืองไทย ผลงานของเธอส่วนใหญ่จะเป็นงานเขียนที่สนับสนุนผลงานของรัฐบาลทหารหรืองานนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ในแบบที่ ผู้นำทหารชื่นชอบ เพราะเธอสนิทสนมกับผู้นำระดับสูงในรัฐบาลทหารมากเป็นพิเศษ นักเขียนประเภทเดียวกับนางมะติ่นวินจะ ป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนซึ่งจัดตั้งโดยรัฐบาล และมักได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณต่าง ๆ เป็นประจำ


เนื้อหาที่นักเขียนประเภทนี้นิยมเขียน เช่น ความรักความสุขของตัวละครที่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยเพียบพร้อม เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนหรือพาดพิงถึงสภาพเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน หรือเผยแพร่นโยบายให้กับรัฐบาลเผด็จการอีกด้วย

นักเขียนกลุ่มนี้จะร่ำรวยสุขสบายเพราะได้รับการสนับสนุนและได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมายจากรัฐบาล เช่น ซื้อโทรศัพท์มือถือในราคาต่ำกว่าท้องตลาด จากราคา 470,000 จั๊ต (17,407 บาท) เหลือแค่ 110,000 จั๊ต (4,074 บาท)

นักเขียนประเภทที่สองที่เขียนงานตามจุดยืนของตนเองจะมีคุณภาพชีวิตที่แตกต่างไปจากนักเขียนประเภทแรก นักเขียนในพม่าประเภทนี้มักเขียนถึงความรู้สึกที่มีต่อชีวิตประจำวันของผู้คน เช่น ความยากลำบากในชีวิตประจำวันของประชาชน ปัญหาการศึกษา ปัญหาครอบครัว เป็นต้น ซึ่งนักเขียนกลุ่มนี้มักเผชิญกับความเสี่ยงในการถูกจับเข้าคุกตารางอยู่บ่อยครั้ง หากเนื้อหาพาดพิงถึงการบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาลทหาร หรือเกี่ยวข้องกับการเมือง เช่น ความรักระหว่างนักศึกษาที่ทำกิจกรรมทางการเมือง หรือ ปัญหาความยากจนที่เกิดจากนโยบายของรัฐเป็นต้น ปัจจุบันมีนักเขียนประเภทนี้จำนวนหลายคนที่เข้าออกคุกตารางเป็นประจำ เนื่องจากต้องการผลิตผลงานเขียนตามจุดยืน ของตน นักเขียนที่ได้รับความชื่นชมจากชาวพม่าและยังมีชีวิตในปัจจุบันคือ ลูดู ดอว์ อะมา เป็นนักเขียนหญิงที่เขียนงานวิพาก์วิจารณ์สังคมวัยเกือบ 90 ปี ในชีวิตของเธอถูกตรวจสอบและเข้าออกคุกบ่อยครั้ง แต่เธอก็ยังยืนหยัดที่จะเขียนงานตามแนวความคิดของตนเองและไม่ยอมจากแผ่นดินเกิดไปไหน ทำให้เธอได้รับการยกย่องจากบรรดานักเขียน นักกิจกรรม และคนอ่านชาวพม่ามากที่สุดคนหนึ่ง

นอกจากคุกตารางที่นักเขียนประเภทนี้ต้องเผชิญแล้ว สถานะทางเศรษฐกิจของนักเขียนประเภทนี้ก็ยังแตกต่างจาก นักเขียนประเภทแรกด้วยเช่น เนื่องจากค่าต้นฉบับจากการส่งเรื่องไปลงตามนิตยสารต่ำมาก เช่น ค่าต้นฉบับเรื่องสั้นสำหรับนักเขียนทั่วไปเรื่องละ 2,000 จั๊ต (74 บาท) ขณะที่ราคาข้าวแกงจานละ 300 จั๊ต (11 บาท) ส่วนค่าต้นฉบับของบทกลอนบทหนึ่งสามารถซื้อข้าวกินได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นักเขียนส่วนใหญ่จึงต้องประกอบอาชีพอื่นไปด้วย หรือหากไม่ประกอบอาชีพอื่น สมาชิกในครอบครัวก็จะต้องเป็นคนหารายได้มาจุนเจือครอบครัวแทน เช่น เรื่องราวของนักเขียนกวีเอกชาวพม่าคนหนึ่งที่ภรรยาและลูกสาวต้องไปขายตัวเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวและเพื่อให้เขาสร้างสรรค์งานต่อไป

กองเซ็นเซอร์ คมมีดเฉือนจินตนาการ

สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดสำหรับนักเขียนในพม่าก็คือ ปัญหาจากกองเซ็นเซอร์ของรัฐบาล กระบวนการเซ็นเซอร์จะเริ่มจากสำนักพิมพ์ส่งงานที่ตีพิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้วไปให้กองเซ็นเซอร์ โดยกรณีหนังสือพิมพ์รายวันของรัฐบาล จะไม่มีปัญหาการเซ็นเซอร์เพราะเป็นหนังสือพิมพ์ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล แต่กรณีหนังสือรายสัปดาห์หรือรายเดือนจะต้องส่งให้ตรวจล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์หรือหนึ่งเดือนสำหรับหนังสือเล่ม อย่างเช่น นวนิยายมักใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนถึง 6 เดือนที่กองเซ็นเซอร์ หากต้องการใช้เวลาน้อย ทางสำนักพิมพ์จะต้องจ่ายค่าดำเนินการเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ

วิธีการเซ็นเซอร์จะกระทำในหลายรูปแบบ อาทิ ใช้สีเทาหรือสีขาวป้ายบริเวณข้อความต้องห้าม หรือดึงหน้ากระดาษนั้นทิ้งในกรณีที่ข้อความต้องห้ามอยู่ในหน้ากระดาษนั้นทั้งหมด ในกรณีนวนิยายเล่ม กองเซ็นเซอร์จะดึงหน้ากระดาษนั้นออกไป ทำให้การดำเนินเรื่องขาดช่วง นักเขียนจำนวนมากมักรู้สึกเจ็บปวดที่ได้เห็นจินตนาการที่ตนพยายามถ่ายทอดถูกเชือดเฉือนไปต่อหน้าต่อหน้า(ดูเรื่องที่อนุญาตให้เขียนและไม่อนุญาตในตาราง)

ปัจจุบัน นักเขียนที่ทนถูกควบคุมไม่ได้จึงอพยพไปอยู่ต่างประเทศอย่างน้อย 20 คน และถูกจับไปอยู่ในคุกอย่างน้อย 20 คน เพราะกองเซ็นเซอร์มีความเข้มงวดมากกว่าแต่ก่อนมาก การสั่งให้ตัดทิ้งเขียนใหม่มีเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เสียเวลาและเงินของทั้งคนพิมพ์และคนเขียน ถ้ามีสิ่งที่ทางกองเซ็นเซอร์เห็นว่าจะกระทบต่อผู้นำผู้ปกครองก็จะสั่งระงับ ตัดทิ้งหรือให้ลบออกไปเสีย หรือถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจก็จะสั่งให้ตัดทิ้งได้เช่นกัน ดังนั้นผู้พิมพ์ก็จะออกวารสารที่ง่าย ๆ แบบไม่ต้องมีปัญหาเพื่อที่จะออกได้ทันเวลาและไม่มีอันตราย สำนักพิมพ์ที่ไม่ต้องการเสี่ยง ต่อการเสียเงินและเวลา จึงนิยมพิมพ์งานที่เคยได้รับอนุญาตจากกองเซ็นเซอร์แล้ว แต่แม้ว่าจะนำหนังสือที่เคยตีพิมพ์แล้วกลับมาพิมพ์ซ้ำใหม่ ทางกองเซ็นเซอร์ก็ยังคงทำการตรวจสอบอีกรอบอยู่ดี แต่ถึงกระนั้นก็ยังง่ายกว่าการพิมพ์งานใหม่ เนื่องจากกองเซ็นเซอร์จะมีอยู่ที่ในเมืองย่างกุ้งเพียงแห่งเดียวเท่านั้น สำหรับวารสารที่ต้องการตีพิมพ์ในเมืองอื่นหรืออำเภออื่นจึงไม่ง่ายนักที่จะออกได้ทันเวลา ดังนั้น ตลาดสิ่งพิมพ์และคนอ่านในประเทศพม่าจึงกระจุกตัวอยู่ในกรุงย่างกุ้งนั้นเท่านั้น สำหรับสิ่งพิมพ์ที่เป็นภาษาชนชาติอื่นที่มิใช่พม่า คงมิต้องกล่าวถึงว่าจะหายากเพียงไหน เพราะขนาดวรรณกรรมพม่ายังถูกจำกัดจินตนาการขนาดนี้ วรรณกรรมของชนชาติอื่นคงมิพักต้องเอ่ยถึงว่าจะหายากสักเพียงใด

หมายเหตุ

ข้อมูลจากบทความภาษาพม่าเรื่อง “เมียนมาร์ส่าแหน่ซีนลอกะ” (แวดวงสื่อพม่า) โดยจ่ออ่องลวีง นักเขียนชาวพม่าเขียน จากเว็บไซต์ www.irrawaddy.org เผยแพร่เมื่อ 7 ต.ค. 2547 และสัมภาษณ์เหม่ เญง นักเขียนหญิงชาวพม่า




ค่าต้นฉบับงานเขียนในนิตยสารเรื่องสั้น - นักเขียนทั่วไป 2,000 - 3,000 จั๊ต (80-120 บาท)
- นักเขียนที่มีชื่อเสียง 4,000 จั๊ต(160 บาท)
บทกวี 1,000 จั๊ต (40บาท)

-----------------------------------------------------------------
เสรีภาพในการแสดงออกในงานเขียนกับการเซ็นเซอร์
ไม่อนุญาต- ปัญหาสังคมและความอยู่รอด
- ระบบการศึกษาที่ย่ำแย่
- ความยากจนและวิกฤติเศรษฐกิจ
- กฎหมายสตรี
- บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อต่อต้านลัทธิอาณานิคม
อนุญาต
- เรื่องความรักทั่วไป
- เรื่องที่ให้ความบันเทิง(เกี่ยวกับความ
ร่ำรวยและความสุข)
- ศิลปะการต่อสู้และเรื่องสืบสวนสอบสวน
- จักรวาล โหราศาสตร์ การเล่นแร่แปรธาตุ
- เวทย์มนต์
- เรื่องเกี่ยวกับภูตผีวิญญาณเหนือธรรมชาติ
อนุญาตแต่มีข้อจำกัด
- คู่มือแนะนำเยาวชนบางเรื่อง
- งานแปลจากภาษาต่างประเทศที่ได้รับอนุญาต
- หนังสือเกี่ยวกับสุขภาพและการศึกษา
- หัวข้อข่าวต่างประเทศ และบทความที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว