พม่าเป็นประเทศที่มีป่าเขาทอดตัวสลับซับซ้อน สายธารคดเคี้ยว แม่น้ำขวางกั้น ก่อเกิดเส้นเขตแดนเป็นรัฐ และชนเผ่าน้อยใหญ่ต่างๆ อย่างหลากหลาย แบ่งตามรัฐใหญ่ๆ ที่เราคุ้นหูกัน คือ รัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยง รัฐคะฉิ่น รัฐมอญ รัฐยะไข่ เป็นต้น ความหลากหลายทางด้านภูมิศาสตร์ส่งผลให้วัฒนธรรม ประเพณี การดำรงอยู่ แม้กระทั่งภาษาพูด การละเล่นดนตรีก็มีความหลากหลายเป็นร้อยเป็นพัน สอดคล้องไปตามพื้นที่นั้นๆ
บทความนี้ขอนำเสนอเรื่องราวของเสียงดนตรี เสียงแห่งความสนุกสนาน เสียงแห่งตำนานสืบสานกันมา เสียงแห่งรัฐกะเหรี่ยงผ่านเครื่องดนตรี ซึ่งมีสองลักษณะ คือ “เตหน่า กับ ทา”
"เตหน่า" เป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งใช้ดีด มี ๖ -๑๒ สาย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เล่นในช่วงปีใหม่ เนื้อเพลงจะเกี่ยวกับ เรื่องเล่า, ประวัติศาสตร์ของชนเผ่าผ่านเสียงเพลงสู่ลูกหลานว่าเป็นใครมาจากไหน? หรือเกี่ยวกับการทำนาย เช่น "วันหนึ่งตะขาบจะกินคน" ซึ่งในสมัยก่อนนั้นยังไม่มีรถไฟ และตอนนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าคำทำนายนี้เป็นจริง หรือบางเพลงบอกว่า "แต่ก่อนพวกเขาเดินทางจากบ้องตี้กว่าจะถึงทวอยด์จะต้องค้างในป่าสองคืน และเดินทางกลับอีกสองคืน แต่อีกข้างหน้าลูกหลานจะเดินทางไปกลับภายในวันเดียว" คำพยากรณ์ที่กลายมาเป็นความจริงในทุกวันนี้ นอกจากนี้แล้วบทเพลงต่างๆ ตั้งแต่สมัยบรรพชนนั้นยังสอนลูกหลานให้เป็นคนดี รักษาวัฒนธรรม ประเพณีอีกด้วย
มึ ทู เซ หะ อะ เกอะ ดือ
เที่ยงวัน ต้นไม้ ไป ของ เงา
เนอ เกอะ ลือ ซือ เตอะ หะ สึ
คุณ คำพูด (เสียง) อย่า ไป เปลี่ยนที่
"ในตอนเช้านั้นเงาต้นไม้จะอยู่ทางทิศตะวันตก พอถึงตอนบ่ายเงาไม้ก็จะเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามอย่าเปลี่ยนแปลงคำพูดของเรา เพราะจะทำให้คนอื่นเสื่อมศรัทธา"
เนอ กลอ เซ กลอ เลอะ เตอะ เก
คุณ ตัดกิ่งไม้ อย่าตัดหมด
เตอ เด ปา เน บี เบ ซอ
หนึ่งกิ่ง เก็บไว้ให้ นกบีเบ เกาะ
ถ้าตัดไม้ อย่าตัดหมดทั้งต้น แต่ให้เหลือไว้สักกิ่ง เพื่อให้นกบีเบ (นกขนาดเล็กในรัฐกะเหรี่ยง) ได้เกาะ "อย่าเห็นแก่ตัว"
"ทา" หรือที่เรียกว่า "ผหยา" ในภาษาไทยนั่นเอง ทานั้นเมื่อใช้เล่นกับเตหน่าจะกลายเป็นเพลงทันที ทาที่ถือว่าดีเยี่ยมนั้นหนึ่งบทจะต้องมีมากกว่าเจ็ดความหมาย ส่วนใหญ่ทาจะใช้พูดในงานศพ งานแต่งงาน หรือช่วงเก็บเกี่ยวข้าว เป็นต้น เพราะหนุ่มสาวจะมารวมตัวกัน ทาจะไม่ใช้คำพูดธรรมดาๆ เพียงจะบอกว่า "ผมหิวข้าว" หรือ "ผมชอบคุณ" แค่นั้น แต่เต็มไปด้วยอรรถรถของคำ ส่วนชายหนุ่มคนไหนที่พูดทาไม่เป็น หรือไม่เก่งเห็นทีจะทำอะไรก็ต้องพึ่งตนเองเสียแล้ว จะแตกต่างกับคนที่พูดทาเก่งๆ จะกินน้ำหญิงสาวก็จักประคับประคองแก้วน้ำมาให้ จะดื่มเหล้าสาวๆ ก็รีบรินบริการทันที เพราะทาถือเป็นสิ่งที่ฝ่ายหญิงชื่นชอบ และมีความไพเราะยิ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หาใช่ฝ่ายชายจะมีเมียเยอะไม่ เพราะเขาจะเลือกจำเพาะคนที่ถูกใจเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว หนุ่มสาวจะไปเกี่ยวข้าวบ้านนั้นทีบ้านโน้นที่เพื่อหาเวลาพบปะกัน ขณะที่เก็บเกี่ยวข้าว หรือเวลาพักกลางวันนั้น หนุ่มสาวก็จะพูดทาโต้ตอบกัน สร้างความสนุกสนานและผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อย หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จก็จะนำไปสู่ขั้นตอนนวดข้าว ซึ่งชาวบ้านจะนิยมทำในตอนกลางคืน โอกาสถูกเปิดให้ชายหนุ่มได้ใกลชิดกับหญิงสาวตามประเพณี และแสดงฝีไม้ลายมือเล่นเตหน่า พูดทาตอบโต้กันระหว่างชายหญิงอย่างเต็มที่ อีกย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ "หมากพลู" ของขบเคี้ยวที่สำคัญยิ่งและขาดไม่ได้ เพราะชาวกะเหรี่ยงชอบกินหมากกันตั้งแต่เด็กๆ
เม บา นอ มา ตา เตอะ เซ
สายตา ชอบ หญิง ทำ ไม่ได้
ดิ ปกา กวา โซ กะแน เล
เหมือน คน มองดู(ไกล) รังผึ้ง หน้าผา
"สายตาบอกว่าชอบเธอ...แต่ความเป็นจริงแล้ว เหมือนคนที่มองดูรังผึ้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน"
โม เม ที อะ แดะ ดิ นา
แม่ ถ้าเห็น ของ ลูกสะใภ้ เช่นคุณ
โม นี ปกอ ฮึ นี ปกอ สะ
แม่ หัวเราะ ภูมิใจ หัวเราะ ทุบหน้าอกตัวเอง
"ถ้าแม่ได้เห็นลูกสะใภ้เช่นน้อง แม่ก็จะหัวเราะ ด้วยความภูมิใจ ถึงขนาดกุมมือทุบหน้าอกตัวเองเลยเชียว"
บททายังมีอีกมากมาย และไม่น้อยเช่นกันที่ได้สูญหายไป เช่นการทำนาย และคำพยากรณ์ ชาวบ้านเชื่อว่าผู้ที่จะสามารถทำนายได้จะต้องเป็นผู้บริสุทธิ กล่าวคือ ต้องไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ขโมย แบ่งปัน ไม่ซื้อไม่ขาย แต่ ณ ขณะนี้ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้เหลือจะตกทอดอีกนานแค่ไหน เพราะชาวบ้านต้องอพยพโยกย้ายถิ่นฐานบ้านเกิด ไร่นา แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง เพราะสงครามที่สืบเนื่องมาเป็นเวลานานกว่า ๕๐ ปี ในพม่า