ชีวิต(ที่ถูกลืม)หลังสนามรบของทหารพม่า

ภาพ Yuzo Uda
ทุกๆ ปี เมื่อใกล้วันทหารผ่านศึกซึ่งตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ทีไร ภาพที่มักจะเห็นตาม หน้าจอโทรทัศน์ช่วงข่าวภาคค่ำก็หนีไม่พ้นเหล่าดารานักร้องหน้าแฉล้มยกโขยงกันไปตามศูนย์การค้าที่คนพลุกพล่าน ตระเวนขายดอกป๊อบปี้สีแดงสด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของวันทหารผ่านศึก เพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือทหารผ่านศึกที่ทุพพลภาพและ ครอบครัว ในหลายๆ ประเทศ ทหารผ่านศึกเปรียบเสมือนวีรบุรุษที่ได้รับการยกย่องจากสังคม


แต่สำหรับกองทัพรัฐบาลพม่ากลับตรงกันข้าม เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ทหารสูญเสียแขนขา หรือพิการหลังกลับจากสนามรบ จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ พวกเขาเหล่านั้นก็จะถูก เขี่ยออกจากกองทัพราวกับเศษสวะที่ไร้ประโยชน์ ดังชีวิตของซอโม อดีตทหารพม่า ที่เผยแพร่ ในบทความชิ้นหนึ่งของสำนักข่าวอิระวดี
ซอโม ชายวัย 42 ปี  ในเครื่องแบบทหารพม่าเก่าๆ สีซีดจาง ตระเวน ไปตามบ้านผู้คนแถบชานเมืองย่างกุ้ง อดีตเมืองหลวงของพม่าโดยมี ไม้เท้าช่วยพยุงร่าง เพื่อเร่ขายหนังสือธรรมมะหาเงินประทังชีวิตและ เลี้ยงครอบครัว เขาถูกปลดออกจากกองทัพรัฐบาลพม่าหลังสูญเสียขา ข้างหนึ่งจากการสู้รบเมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยได้เงินบำนาญเดือนละ 1 หมื่นจั๊ต หรือเพียง 297 บาท เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิระวดีว่า

“ตอนแรกผมก็ไม่อยากทำงานแบบนี้หรอก เพราะผมเสียสละ เพื่อประเทศชาติ แต่รายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว จึงต้องทำอะไร สักอย่าง ไม่อย่างนั้นก็ต้องอดตาย”

แม้ทางการพม่าไม่มีการเปิดเผยจำนวนของทหารที่ทุพพลภาพ จากสงคราม แต่แหล่งข่าวจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึกแถบมิงกลาดง ในย่างกุ้งระบุว่า ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา มีทหารที่สูญเสียแขนขาหนึ่งหมื่น คนเป็นอย่างต่ำ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเหยียบกับระเบิดที่มีเป้าหมาย ทำลายกำลังของกองทัพชนกลุ่มน้อย ในจำนวนทหารพิการเหล่านั้น ก็ไม่ได้โชคดีเหมือนซอโมทั้งหมด

อดีตทหารกองทัพพม่าคนหนึ่งที่สูญเสียแขนจากสงคราม เปิดเผยในบทความเดียวกันว่า ทหารพิการที่ต้องออกจากกองทัพพม่า แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก จะเดินขายหนังสือธรรมมะ โดยทางการอนุญาตให้สวมเครื่องแบบทหารได้ กลุ่มที่สอง คือ คนที่พอมีความรู้ด้านงานฝีมือ เช่น เย็บผ้า ตัดผม หรือช่างไม ก็จะออกไปประกอบอาชีพเหล่านั้น กลุ่มที่สาม คือ คนที่พิการจนไม่สามารถทำอะไรได้ สุดท้ายต้องลงเอยด้วยการเป็นขอทานตามท้องถนน

“ทหารผ่านศึกที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพพม่า ซึ่งกองทัพจะไม่นับว่าเป็นทหารผ่านศึกด้วยซ้ำ พวกเขาคิดว่าเราทำให้ ‘ตั๊ดมะด่อ’(าษาพม่า ใช้เรียกกองทัพรัฐบาลพม่า) ต้องเสื่อมเสียเกียรติ์”

อดีตทหารผ่านศึกคนหนึ่งที่กลายมาเป็นขอทานในเขตอินเส่ง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ในกองทัพรัฐบาลพม่าสั่งห้ามไม่ให้เขาสวม เครื่องแบบทหาร และไม่ให้เปิดเผยกับคนอื่นว่าเคยเป็นทหาร  เขาบอกว่า “เป็นขอทานมันก็ยังดีกว่าอยู่กองทัพ เพราะอย่างน้อยก็ยังหาเงินได้มากกว่า”

นี่คือตัวอย่างชีวิตหลังสงครามของทหารผ่านศึกทุพพลภาพใน กองทัพของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า ไม่เพียงเท่านี้ พลทหารในกองทัพ พม่าทั่วประเทศต่างก็ประสบปัญหาเรื่องปากท้องไม่แพ้กัน

30 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา สำนักข่าวอิระวดีเผยแพร่เรื่องความ ยากจนของทหารในกองทัพรัฐบาลพม่า จนต้องแก้ปัญหาโดยการแอบ นำอาวุธและอุปกรณ์ทหารไปขายในตลาดมืด เพราะได้รับเงินเดือนน้อย และถูกห้ามไม่ให้ทำงานนอกกองทัพ แถมยังมีการเกณฑ์ครอบครัวของทหารไปทำงานในไร่นาของกองทัพอีกด้วย

“สมาชิกครอบครัวของทหารก็เหมือนแรงงานทาส นอกจาก ทหารอย่างพวกเราแล้ว ครอบครัวของเรายังต้องมาทำงานให้ กองทัพอยู่บ่อยๆ” อดีตทหารคนหนึ่งเปิดเผย

ในเมื่อไม่สามารถออกไปทำงานข้างนอกได้ ทหารบางรายก็ขาย ล๊อตเตอรี่เถื่อน หรือรับแทงบอลกันในนั้นเสียเลย

ปัจจุบัน พลทหารระดับต่ำสุดได้รับเงินเดือนในอัตรา 700 บาท ถ้าสูงขึ้นมาหน่อยระดับจ่าสิบเอกก็จะอยู่ที่ 1,133 บาท ทหารยศร้อยโท อยู่ที่ 4,000 บาท และระดับนายพล 8,000 บาท ขณะที่นายพลอาวุโส อย่างตานฉ่วยได้รับเงินเดือนในอัตราถึง 40,000 บาท หากดูจากอัตรา เงินเดือนของทหารยศต่างๆ จะเห็นได้ถึงความแตกต่างกันอย่าง ชัดเจน

นอกจากนี้ กองทัพพม่ามีการออกคำสั่งให้ทหารพม่าที่ประจำอยู่ ในเขตรัฐฉานภาคเหนือหาเงินเลี้ยงหน่วยด้วยตัวเอง จึงเป็นเหตุให้มีการ ตัดไม้ทำลายป่าจำนวนมากเพื่อนำไม้ไปขาย หรือไม่ก็อาจขู่กรรโชก จากประชาชนในพื้นที่ นับว่าเป็นวิธีที่ฉลาด เพราะนอกจากจะประหยัด งบประมาณของกองทัพแล้ว ยังได้คุกคามศัตรูไปในตัวอีกด้วย

“ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นทหารในกองทัพพม่า เพราะคิดว่า เป็นอาชีพที่มีเกียรติ ได้ทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง พอโตขึ้นมา เห็นทหารยิงประชาชน ก็เกลียดทหารพม่าเข้าไส้ ตอนนี้ผมถึง รู้ว่า จริงๆ แล้วผมเกลียดผิดคน” หม่องหม่องชายหนุ่มชาวพม่า เล่าให้เราฟัง  

“สุดท้ายแล้วประโยชน์จะตกอยู่แค่คนกลุ่มเล็กๆ ที่กุมอำนาจ ทั้งหมดไว้ในมือ  ทหารก็เป็นแค่เครื่องมือในการปราบปรามศัตรู ที่พร้อมจะถูกโละทิ้งได้ทุกเมื่อ” เขากล่าวส่งท้าย