หุบเขานู่เจียง สายน้ำสาละวินสีมมรกตที่ยูนนาน

โดย อาทิตย์ ธาราคำ

รถบัสคันเล็กพาผู้โดยสารเดิน ทางลัดเลาะไปตามถนน ที่คดเคี้ยวทอดไป ตามฝั่งน้ำสีเขียวสด เบื้องหน้าที่เห็นไกลๆ คือ ภูเขาหิมะมากมาย ที่ค่อยๆ ละลายลงมา เติมน้ำให้แม่น้ำสายนี้ วันนี้เรามาอยู่ที่แม่น้ำ สาละวินในยูนนาน ประเทศจีน

จากต้นกำเนิดบนที่ราบสูงทิเบต สายน้ำสามสาย คือ จิงสา (แยงซี) ลานซาง (แม่โขง) และ นู่เจียง (สาละวิน) ไหลขนานใกล้ชิดกันในเขตมณฑลยูนนาน เป็นระยะทาง ๑๗๐ กิโลเมตร ทั้งสามแม่น้ำไหลห่างกันไม่ถึง ๑๐๐ กิโลเมตรก่อนที่จะแยกจากกันไปสู่ทะเลตามทิศต่างๆ


ชาวยูนนานมีเรื่องเล่าว่า ที่ทิเบตมีสามพี่น้องสาวสวย วันหนึ่งแม่บอกให้ลูกๆ ออกเดินทางไปยังทะเลทางทิศตะวันออก จิงสา พี่สาวคนโตซึ่งเชื่อฟังแม่ก็มุ่งหน้าไปฝั่งตะวันออก ตามคำบอกของแม่ แต่สาวงามคนสุดท้องแสนดื้อคือ นู่เจียง กลับมุ่งหน้าลงใต้ไปยังเขตประเทศพม่าไปหาเจ้าชายแห่งพม่า คนรักของเธอ ลานซางคนกลางจึงกระวนกระวายใจ อยากตามลงไปดูแลน้อง แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งแม่ชวนพี่ใหญ่ จิงสาก็ไม่ยอมไป เธอจึงอยู่ตรงกลางระหว่างสองพี่น้อง พี่น้องทั้งสามก็ได้กลายมาเป็นสายน้ำสามสายที่ไหลเคียงกัน แต่ไหลลงทะเลห่างไกลกันหลายพันกิโลเมตร

เขตสามแม่น้ำไหลเคียง (Three Parallel Rivers) ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ (World Natural Heritage) โดยยูเนสโก เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยเขตดังกล่าวเป็นพื้นที่ซึ่งมีความ อุดมสมบูรณ์ โดดเด่นทางลักษณะภูมิศาสตร์ และมีความ หลากหลายทางชีวภาพ มีพันธุ์พืช ดอกไม้ และสัตว์ท้องถิ่นหายากและใกล้สูญพันธุ์มากมาย จึงเป็นพื้นที่อนุรักษ์ อย่างเข้มงวดเพื่อให้คงสภาพเดิม ทางธรรมชาติไว้ นอกจากนี้ยังเป็นที่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์ หลายกลุ่ม

ในด้านภูมิศาสตร์ ในเขตสามแม่น้ำไหลเคียง มีลักษณะ สวยงามโดดเด่น มียอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล ๕,๐๐๐ เมตรขึ้นไปถึง ๑๑๘ ยอด มีโตรกเขาลึกที่บางแห่งหน้าผา ตั้งตระหง่านสูงกว่าระดับแม่น้ำถึง ๔,๐๐๐ เมตร เรียกว่า หากไปยืนริมน้ำแหงนมองดูหน้าผาคงแหงนหน้าตั้งบ่ากันเลย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ชุ่มน้ำ ทะเลสาบหิมะละลาย และที่ราบริมน้ำ

และภาพสุดฮิตที่เห็นกันในหนังสือท่องเที่ยวและโปสการ์ด คงหนีไม่พ้นโค้งน้ำของทั้งสามแม่น้ำ ที่สายน้ำไหลโค้งอ้อมแผ่นดิน จนแทบเป็นวงกลม ทำเอาคณะเรารุมกันกดชัตเตอร์เก็บภาพ ยอดนิยมกันอยู่เกือบชั่วโมง

แม่น้ำนู่เจียง สำหรับคนจีนก็คล้ายกับประเทศไทย คือเป็นสายน้ำ ลึกลับสุดแดนตะวันตกที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก ต่างจากในพม่า ที่สายน้ำแห่งนี้ไหลผ่านใจกลางแผ่นดินรัฐฉาน ผ่านรัฐคะยา กะเหรี่ยง และลงสู่ทะเลที่รัฐมอญ สาละวิน ถือเป็นสายน้ำแห่งกลุ่มชาติพันธุ์อย่างแท้จริง เฉพาะใน เขตหุบเขาสาละวินที่จีน มีกลุ่มชาติพันธุ์อาศัย อยู่ประมาณ ๑๔ กลุ่ม โดยส่วนใหญ่เป็นชาวนู ลีซู และตู๋หลง ในเขตพม่ามีอีกกว่า ๑๓ กลุ่ม อาทิ ไทใหญ่ กะเหรี่ยง คะยา และมอญ

ถนนพาเราเลาะสายน้ำเริ่มจากเมืองลิ่วคู่ เมืองใหญ่ที่มี ประชากร กว่าหมื่นคนในที่ราบแคบๆ ริมแม่น้ำแห่งนี้ ใกล้ๆ เมือง มีพุร้อนธรรมชาติอยู่ริมน้ำ ชาวบ้านแถวนี้โดยเฉพาะชาวลีซู จะมาอาบน้ำร้อนโดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ เพื่อชำระร่างกาย ละจิตใจให้สะอาดก่อนปีใหม่จะมาเยือน เหนือบ่อน้ำร้อน ดอกงิ้ว ร่วงหล่นลงริมน้ำ ดอกงิ้วสีแดงจัดเหมือนกันกับที่ริมน้ำ สาละวินที่ชายแดนไทย-พม่า ที่ไกลลงไปหลายร้อยกิโลเมตร
ตามลำน้ำไม่ค่อยเห็นใครลงมาจับปลาเหมือนที่ชายแดนไทย-พม่า แต่ก็เห็นเบ็ดปักอยู่ตามริมน้ำเป็นระยะ ชาวบ้านบอกว่า ช่วงนี้อากาศเย็น น้ำเย็น ไม่มีใครลงไปจับปลาในน้ำ

จากเมืองลิ่วคู่ตามสายน้ำขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ มีชุมชนเล็กๆ กระจายอยู่ริมน้ำและบนภูเขาสูงชัน ไร่ข้าวและพืผลต่างๆ ไต่ขึ้นไปอยู่บนดอยสูงเสียดฟ้า เนื่องจากไม่มีที่ราบมากนัก

ระหว่างทาง มีสะพาที่รถข้ามได้เพียง ๓-๔ แห่ง นอกจากนั้น เป็นสะพานแขวนที่ใหญ่พอให้คนและสัตว์เดินข้ามได้เท่านั้น ส่วนหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่มีสะพานแขวนก็ไม่มีปัญหา ชาวบ้านที่นี่ ทำสายสลิงพาดข้ามหุบเขา แล้วนั่งบนตระกร้าโหนข้ามน้ำได้รวดเร็ว ที่สุดกว่าสะพานไหนๆ ในโลก เล่นเอาคนต่างถิ่นอย่างเรา เห็นแล้วเสียวไส้ไปตามๆ กัน

รถแล่นมาเรื่อยๆ ก็ต้องหยุดชะงักกับตลาดนัดที่หมู่บ้านผี่เหอ อยู่ๆ ถนนก็กลายมาเป็นกลางตลาด เลยถือโอกาสลงเดินเล่น ชาวบ้านเอาหมู ไก่ อ้อย และพืชผักหลากชนิดมาวางขาย สองข้างถนนจนรถกลายเป็นส่วนเกิน สาวๆ แต่งชุดประจำ เผ่าสีสันสดใสนั่งขายเสื้อและกระโปรงปักด้วยมือรอลูกค้า อีกฝั่งถนนชาวบ้านกำลังเลือกเมล็ดพันธุ์ผักหลากชนิด

ระหว่างทางไม่ค่อยมีรถมากนัก จะมีก็แต่รถบรรทุกซุง ขนาดใหญ่แล่นสวนมาเป็นระยะๆ เพราะที่บ้านลิซาตี่ มีสะพานข้ามแม่น้ำตัดช่องเขาไปรัฐคะฉิ่นได้ จากแม่น้ำสาละวิน เข้าไปเขตรัฐคะฉิ่นเพียง ๓๕ กิโลเมตรเท่านั้น เห็นซุงขนาดยักษ์ วางไว้เป็นกองสูงรอรถมาขนแล้วใจหาย บางท่อนใหญ่เท่าๆ กับรถสิบล้อเลยทีเดียว นึกไม่ออกว่าป่าในพม่าจะเหลือรอด ไปได้แค่ไหน สงสารประชาชนประเทศพม่าที่ไม่มีโอกาสปกป้อง ทรัพยากรของตัวเอง ต้องปล่อยให้ผู้มีอำนาจตักตวงประโยชน์โดย ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เรามากันถึงเกือบสุดแดนยูนนาน ห่างจากชายแดนทิเบตเพียง ๑๐ กิโลเมตร ถนนเลาะเลียบสาละวินสิ้นสุดลงที่เมืองปี่จงล่อ เมืองเล็กๆ ที่รายล้อมไปด้วยยอดเขาหิมะ ยอดที่มองเห็นไกลๆ คือทิเบต บ้านของชาวนูที่นี่มีลักษณะพิเศษ คือหลังคามุง ด้วยหินแผ่นที่สกัดออกมาจากภูเขาหินรอบๆ ช่วยกันหนาว ได้อย่างดีในฤดูที่หนาวเหน็บ

ถนนรถสิ้นสุดลง พวกเราเดินออกมาจากเมืองปี่จงล่อ ลงไปที่แม่น้ำ เห็น Stone Gate หรือ ประตูผาตั้งตระหง่าน ช่องเขาใหญ่เปิดทางให้สายน้ำไหลผ่านสงบเงียบ เบื้องบนแสงสุดท้ายของวันทาบทอภูเขาหิมะสีทอง คุณปู่ชาวนูอุ้มหลานไว้บนหลัง เดินกลับจากไร่ก่อนตะวันจะสิ้นแสง

แม่น้ำยังคงไหลเอื่อย ไม่ว่าจะเรียกว่านู่เจียง น้ำคง หรือสาละวิน สายน้ำแห่งนี้ก็ได้หล่อเลี้ยงชีวิตมากมายตลอด ลุ่มน้ำตลอดความยาวกว่า ๒,๘๐๐ กิโลเมตร แม้จะเป็นแม่น้ำ ชายแดนที่ไม่มีใครรู้จัก แต่สำหรับคนในลุ่มน้ำ สายน้ำแห่งนี้ เปรียบเป็นเหมือนเส้นเลือด ขอให้สาละวินได้ไหลอย่างอิสระ อย่าได้มีสิ่งใดมาปิดกั้นเจ้าเลย