เมื่อฤดูมรสุมได้ผ่านพ้นไป ท้องฟ้าก็เริ่มปลอดโปร่งมี ลมหนาว พัดมาทักทายเป็นระยะ ๆ สิ้นสุดเทศกาลเข้าพรรษาเช่นนี้ ในประเทศพม่า ผู้คนก็เริ่มตระเตรียมการสำหรับเทศกาลที่ทั่ว ทั้งประเทศจะเต็มไปด้วยความสว่างไสวถึงสองครั้งด้วยกัน ที่กำลัง จะมา เยือนในไม่ช้านี้ นั่นคือ เทศกาลตามประทีปโคมไฟครั้งที่หนึ่ง และเทศกาลตามประทีปโคมไฟครั้งที่สอง
เทศกาลประทีปโคมไฟครั้งที่หนึ่ง
หากย้อนไปเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วตามความเชื่อทาง พระพุทธศาสนาของชาวพม่าว่า ในคืนวันเพ็ญเดือนแปดตาม ปฏิทินพม่าหรือเดือนตุลาคม พระพุทธเจ้าได้ทรงเสด็จกลับลงมา สู่แดนมนุษย์หลังจากที่เสด็จขึ้นไปเทศน์โปรดพระราชมารดา ของพระองค์ที่ได้ไปจุติในสรวงสวรรค์ โดยพระองค์ได้เสด็จกลับ ลงมาทางบันไดที่ประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาพร้อมด้วย ปวงเทวดาที่เฝ้าตามเสด็จ
ดังนั้น เมื่อถึงวันเพ็ญเดือนแปดท้องฟ้าเหนือผืนดินพม่า จะถูกปกคลุมไปด้วยแสงสว่าง ของบรรดาประทีปโคมไฟที่ผู้คน ได้นำมาตกแต่งประดับประดาอาคารบ้านเรือน และถนนหนทาง ทุกทั่วสารทิศ ซึ่งส่องแสงสว่างประชันกับความสว่างไสวประของ พระจันทร์เต็มดวง เป็นการระลึกถึงเมื่อครั้นในสมัยพุทธกาล นี่คือที่มาของเทศกาลตามประทีปโคมไฟครั้งที่หนึ่ง หรือ เทศกาลตะดิงจุ้ด ตามชื่อเดือนแปดในภาษาพม่า
เทศกาลประทีปโคมไฟครั้งที่สอง
เมื่อเทศกาลตะดิงจุ้ดสั้นสุดลงไม่นานก็ถึงเวลาของเทศกาล ตะซองดาย หรือเทศกาลประทีปโคมไฟครั้งที่สอง ตามบ้านเรือนจำนวนไม่น้อยยังคงไม่เลิกประดับประดา และไม่เลิกตามประทีปโคมไฟจึงไม่จำเป็นต้องใช้ของใหม่เพราะมี เวลาห่างกันเพียงสามสัปดาห์เท่านั้น แต่ที่มาที่ไปของเทศกาลตะซองดายนี้ไม่เป็นที่น่ากังขาว่าเหตุใดจึงต้องมีการฉลองเทศกาล ประทีปโคมไฟอีกครั้งในเวลาที่ห่างกันไม่นาน
มีเรื่องเล่าอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานว่าอาจเป็น มูลเหตุของการจัดเทศกาลนี้ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นอุบายในการ จัดระเบียบสังคมของพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งในอดีต เรื่องมีอยู่ว่า ในช่วงเดือนดังกล่าวเป็นช่วงที่หัวขโมยออกปฏิบัติการนักโหราศาสตร์ ทั้งหลายกล่าวกันว่าลักขณาของจักราศีอยู่ในแนวเอียงลาดขึ้น ซึ่งทำให้ความคิดของบรรดาประชาชนหันเหไปในทางกลั่นแกล้งมุ่งร้าย ต่อกัน พระเจ้าแผ่นดินในอดีตจึงได้ทรงป่าวประกาศให้มีงานเลี้ยง ฉลองเพื่อความสนุกสนานรื่นเริง เพื่อเป็นการชักจูงจิตใจของ ประชาชนให้หันเหไปจากการกลั่นแกล้งมุ่งร้ายต่อกันเสีย เป็นลักษณะของการทำสงครามจิตวิทยาอย่างหนึ่ง
ภาพการ์ตูนล้อเลียนบนโคมไฟ
ในปีค ศ การนำเสนอภาพการ์ตูนลงบนโคมไฟใน เทศกาลประทีปโคมไฟครั้งที่ ก็ถือกำเนิดขึ้นจากความคิด สร้างสรรค์ของสองนักเขียนการ์ตูนชื่อดังในพม่านามว่า และ โดยนักเขียนการ์ตูนล้อเลียนทั้งสองต้องการ ที่จะนำภาพการ์ตูนล้อเลียนการเมืองเสียดสีรัฐบาลที่เคยถูกปฏิเสธจากบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ต่างๆ ในประเทศพม่า นำออกแสดงแก่สาธารณะชนเป็นครั้งแรก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีใคร เคยทำมาก่อน โดยได้นำออกแสดงที่ ซึ่งเป็นสถานที่ อาศัยอยู่นั่นเอง ซึ่งต่อมาภายหลังผู้คน ได้เรียกถนนสายนี้ว่าถนน และเป็นสถานที่ที่นักเขียน การ์ตูนจะมารวมตัวกันเพื่อเตรียมโคมไฟประดับประดาสำหรับ เทศกาลโคมไฟครั้งที่สองในทุก ๆ ปี สืบเนื่องกันมา
ในปัจจุบัน ยังคงมีการแสดงนิทรรศการภาพเขียนการ์ตูน อยู่บ้างในประเทศพม่า หากแต่จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมจาก คณะกรรมการเซ็นเซอร์ ซึ่งมีมาตั้งแต่ประมาณปี ค ศ มาจนถึงบัดนี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่า เทศกาลดี ๆ อย่างเทศกาลโคมไฟ ครั้งที่สองนี้ อาจจะไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งอาจจะเป็นอุบายในการจัดระเบียบสังคมดังเรื่องเล่าสืบกันมา ซึ่งจะเป็นจริงดังเรืองเล่าหรือไม่ ไม่มีใครทราบได้ แต่อย่างน้อย เทศกาลนี้ก็ถือว่าได้สร้างโอกาสในการสื่อสารของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทน ในการแสดงออกถึงความรู้สึกที่มีต่อ สถานการณ์ในสังคม ผ่านภาพการ์ตูนซึ่งมีเนื้อเรื่องที่เป็นการเสียดสี ประชดประชันปะปนอารมณ์ขัน นับว่าเป็นการบรรเทาความ ปวดร้าวของสังคมได้อย่างหนึ่ง