ตัดตอนมาจากมาจากบทความเรื่อง พม่า : ลาภแห่งกุศล โดย วิรัช นิยมธรรม
ศูนย์พม่าศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร (www.myanmar.nu.ac.th)
การเล่นหวยในสังคมพม่าเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าสนใจ ในเขตเมืองย่างกุ้งแทบทุกย่านจะมีร้านจำหน่ายหวยให้พบเห็นอยู่แทบไม่ขาด มีทั้งเปิดเป็นร้านตามตึกแถวกลางเมือง หลายที่จะทำเป็นซุ้มแผงลอยตั้งอยู่ริมทางและย่านชุมชน ตลอดจนทำแผงเร่ขายไปตามย่านตลาด ละแวกบ้าน และในเขตลานวัด พาหนะนำเร่จะมีทั้งรถยนต์ รถเข็น และรถจักรยาน อีกทั้งแทบทุกร้านจะนิยมติดลำโพงป่าวประกาศชักจูงลูกค้าให้มาซื้อหวย ดูปริมาณร้านหวยก็พอจะบอกได้ว่าคนพม่านั้นนิยมเล่นหวยกันไม่น้อย หลายคนถึงขนาดกำหนดโชคชะตาไว้กับหวย ทั้งยังมีการหาเลขหวยในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดูหมอ ใบ้หวย เก็งเลขเด็ด และขอหวยจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น บ้างถึงกับโยงเรื่องบุญกุศลให้มามีส่วนในการชี้ชะตาเสี่ยงโชค นับว่าหากเป็นนักเลงหวยแล้ว ก็จะไม่แทงหวยกันลอยๆ ต่างมีหลักมีเกณฑ์ไม่ต่างไปจากเหล่านักเลงหวยของไทยเราเช่นกัน
คำว่า “หวย” ในภาษาพม่านั้นจะใช้คำว่า ถี่ คำนี้กล่าวกันว่าไม่ใช่คำพม่าแท้ๆ แต่มีที่มาจากคำในภาษาอังกฤษ จะมีอยู่บ้างที่เห็นว่าอาจมาจากคำในภาษาจีนก็เป็นได้ แต่มิได้มีการยืนยันที่มาของศัพท์ภาษาจีนที่ชัดเจน จึงเป็นไปได้มากทีเดียวว่า “ถี่” เป็นคำภาษาอังกฤษมาแต่เดิม ด้วยมีประวัติการเล่นหวยและร่องรอยของศัพท์ช่วยสนับสนุน สารานุกรมพม่า ฉบับที่ 5 ซึ่งพิมพ์ในปี ค.ศ.1964 ระบุว่า “ถี่” เป็นคำที่กร่อนเสียง มาจากคำว่า Lottery แรกๆคนพม่าคงจะออกเสียงคำนี้ว่า “หล่อถะรี” ต่อมาออกเสียงหดลงเป็น “หล่อถี่” และที่สุดก็เหลือเฉพาะพยางค์ท้ายกลายเป็น “ถี่” ตามที่ใช้มาจนบัดนี้
ในประเทศพม่าก่อนสมัยของพระเจ้าธีบอนั้น ชาวพม่าจะนิยมเล่นหวยที่ชาวจีนนำมาเผยแพร่ เรียกกันว่า โตงแซะเช่าก์ ก่อง หวยชนิดนี้เป็นหวย 36 ตัว มีลักษณะเป็นตัวหวย วาดเป็นรูปสัตว์ 32 ชนิดและสิ่งของ 4 อย่าง เกาะอยู่บนร่างของเจ้าแม่จันที หรือจัณฑี ตัวหวยทั้ง 36 ตัวบนส่วนต่างๆของเจ้าแม่จัณฑี มีดังนี้บนส่วนหัว มี 4 ตัว คือ ม้า นาคทอง ผีเสื้อ ป่า; ตามลำตัว มี 9 ตัว คือ แม่ชี สมัน ไก่ อีกา เสือ เต่า นก นกยูง หมู; บนแขนขวา มี 4 ตัว คือปลาทอง ช้าง หอย ห่าน; บนแขนซ้าย มี 4 ตัว คือ นกกระยาง แมงมุม ลิง งู; บริเวณเอว มี 5 ตัว คือนาคบิน กระต่าย สุนัข ปู แพะ; บนขาขวา มี 5 ตัว คือ วัว ไส้เดือน กบ ผึ้ง หนู; บนขาซ้ายมี 5 ตัว คือ บ้าน ปลาเงิน นกพิราบ พลอย ปลาไหล หวย 36 ตัวนั้น เป็นหวยที่เล่นกันในท้องถิ่น มีลักษณะคล้ายกับหวย ก.ข. ของไทย (หวย ก.ข. เริ่มเล่นกัน เมื่อปี ค.ศ. 1835 ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตามคำแนะนำของเจ้าสัว จีนคนหนึ่ง) สำหรับการออกหวย 36 ตัวของพม่านั้น จะเล่นกันตามโรงหวย งวดหนึ่งมีกำหนด 3 - 4 วัน ก่อนถึงวันหวยออก เจ้ามือ หวยจะเลือกสลากที่มีตัวหวยตัวใดตัวหนึ่งซ่อนในห่อผ้าผูกแขวนไว้ จากนั้นเจ้ามือจะบอกใบ้หวยตัวเก็ง ซึ่งพม่าเรียกว่า อะเต๊ะ โดยมักแต่งเป็นปริศนาซ่อนนัย เช่น “พราหมณ์ชรา เพ่งดวงดารา ณ เชิงดอยสูง นามต่องกะละ” จากนั้นผู้เล่นก็จะพยายามแก้ปริศนานั้น พอใกล้ถึงวันหวยออก เจ้ามือก็จะบอกปริศนาเด็ดให้ลุ้นกันอีกที เรียกว่า อะเต๊ะเซงเช่น “อยู่เชิงดอย หว่างพุ่มไม้” ผู้เล่นมีโอกาสไขปริศนานั้นอีกครา ก่อนเลือกแทงตัว หวยตามชอบ เมื่อถึงวันหวยออกเจ้ามือก็จะเฉลยตัวหวยในห่อผ้านั้น
หวย 36 ตัวนั้น มีเล่นกันเรื่อยมา โดยเฉพาะตามงานเทศกาล จนช่วงสมัยรัฐบาลปฏิวัติ ของนายพลเนวิน ทางการพม่าได้กวดขันการเล่นพนันทุกประเภท หวย 36 ตัวจึงค่อยๆหายไป จนปัจจุบันหวย 36 ตัวได้เสื่อมความนิยมไปแล้ว ถึงกระนั้น ยังคงพบการเล่นพนันทำนองหวย 36 ตัวอยู่ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะตามชายแดน เรียกว่า “ลูกข่างสี่ตัว” หรือที่พม่าเรียกว่า เลก่องจิ่ง หรือที่เรียกสั้นๆว่า จิ่งโท มีลักษณะเป็นรูปสัตว์ 4 ตัว มีรูปกบ หมู ไก่ และปลาไหล เวลาเล่น ผู้เล่นจะเลือกแทงตามรูปสัตว์นั้น ฝ่ายเจ้ามือจะหมุนลูกข่างทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งมีรูปสัตว์ในแต่ละด้าน รูปสัตว์ตัวไหนหงาย ก็ถือเป็นฝ่ายชนะ การเล่นเลก่องจิ่งนี้จึงมีลักษณะคล้ายการเล่นพนันแทงน้ำเต้า กุ้ง ปู ปลา ซึ่งเคยมีเล่นในเมืองไทย ที่จริงชาวพม่าไม่ถือว่า เลก่องจิ่ง เป็นหวย หากถือเป็นการเล่นพนันชนิดหนึ่งเท่านั้น.
ย้อนกลับไปยังสมัยของพระเจ้าธีบอ มีประวัติเล่าว่าพระองค์ได้ทรงอนุญาตให้เล่นหวยอีกชนิดหนึ่งขึ้นมา เรียกว่า หวยหลวง หรือ ถี่ด่อ ที่เรียกเช่นนี้ก็ด้วยเพราะเป็นหวยที่ได้รับพระบรมราชานุญาต กล่าวว่าเหตุที่ราชสำนักออกหวยชนิดนี้ ก็เนื่องด้วยประสบปัญหาทางการเงิน อันเนื่องมาจากภัยคุกคามจากอังกฤษ ซึ่งมีอยู่เนืองๆ จึงจำเป็นต้องหารายได้เข้าหลวง นอกเหนือจากการเก็บอากรสิบชักหนึ่ง ที่เรียกว่า สัสสเมธะ โรงหวยหลวงเปิดขึ้นเฉพาะที่กรุงมัณฑะเลย์ เริ่มเล่น ในปี ค.ศ. 1879 เข้าใจว่าพระเจ้าธีบอทรงนำแบบอย่างการเล่นหวย ชนิดนี้มาจากรัฐบาลอาณานิคมอังกฤษซึ่งปกครองดินแดนพม่าตอนล่างในขณะนั้น การออกหวยในระยะแรกนั้น ทางราชสำนักได้เปิดโรงหวย1 โรง อยู่ด้านตะวันตกของวังมัณฑะเลย์
การเล่นหวยหลวงนั้น จะเล่นแบบหวยเบอร์ หรือ หวยเลข เลขที่เล่นกันจะเป็นเลข 1 จนถึงเลข 60 จึงอาจเรียกว่า หวย 60 ตัว ก็น่าจะได้ สำหรับวิธีการออกหวยนั้น จะใช้วิธีจกลูกลานจากหม้อเงิน 2 ใบ ใบแรกจะบรรจุลูกลานที่มีเบอร์ตั้งแต่ 1 - 60 จำนวน 60 ลูก ส่วนใบที่สองจะบรรจุลูกลานเปล่าซึ่งไม่มีเบอร์ มีจำนวน 60 ลูกเช่นกัน แต่ในหม้อใบหลังนี้จะมีลูกลานลูกหนึ่งเป็นลูกลานทาสีทอง ซึ่งถือเป็นลูกลานนำโชค การจกลูกลานนั้นจะจกจากหม้อเงินทั้งสอง ทีละลูกพร้อมๆกัน หากลูกลานเบอร์ใด ถูกจกออกมาพร้อมกับลูกลานสีทอง เบอร์ของลูกลานนั้นก็จะเป็นเบอร์รางวัล สำหรับผู้ถูกรางวัลใหญ่จะได้รับเกียรติเป็นพิเศษ นายโรงหวยจะส่งรางวัลไปให้ผู้โชคดีนั้นจนถึงบ้าน โดยนำเงินรางวัลบรรทุกไปบนหลังช้าง นับว่าได้ทั้งลาภและเกียรติพร้อมกันในคราวเดียว
หวยหลวงนับว่าเป็นที่นิยมของราษฎรอย่างมาก ทำให้มีรายได้สู่ท้องพระคลังไม่ใช่น้อย แต่ผลกระทบเสียหายกลับตกอยู่กับราษฎรโดยตรง ด้วยเพราะชาวบ้านต่างมัวเมาหวยจนเสียการเสียงาน ซ้ำร้ายกลับเกิดมีโจรผู้ร้ายชุกชุมมากกว่าแต่ก่อน พระเจ้าธีบอ จึงทรงสั่งให้ปิดโรงหวยในปี ค.ศ. 1881 พร้อมกับพระราชทานเงินชดเชยให้กับผู้เป็นหนี้หวย หวยหลวงจึงเปิดเล่นได้ในระยะเวลา อันสั้นเพียงแค่ 2 ปี 10 เดือน อย่างไรก็ตามชาวบ้านก็ยังมีหวยท้องถิ่น อย่างหวย 36 ตัว เล่นกันต่อมา
จากหวยท้องถิ่น (หวย 36 ตัว) ซึ่งเล่นกันมายาวนาน มาเป็นหวยหลวง (หวย 60 ตัว) ซึ่งเล่นกันไม่ถึงสามปี ก็มาถึงหวยรัฐบาลบ้าง พม่าเรียกหวยรัฐบาลว่า อะโซยะถี่ หวยชนิดนี้เป็นหวยที่ถูกกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลพม่าเป็นผู้ออกให้ชาวพม่าเล่นกันมาจนถึงปัจจุบัน กำเนิดของหวยรัฐบาลนั้นมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1983 เป็นสมัยที่ ดร.บะหม่อ เป็นนายกรัฐมนตรี (ค.ศ.1937-2938 : รัฐบาลของดร.บะหม่อนี้เป็นรัฐบาลชุดแรกของพม่า หลังจากที่อังกฤษให้อิสระในการปกครองตนเองโดยมิต้องเป็นจังหวัดหนึ่งของอินเดียอีกต่อไป) เหตุที่ต้องมีการออกหวยรัฐบาลนั้น อ้างว่าเป็นเพราะเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รัฐจึงจำเป็นต้องหาหนทาง ผ่อนปรนภาระ
หวยรัฐบาลในรูปแบบที่เล่นในปัจจุบันนั้น เริ่มในสมัยรัฐบาล สล็อร์ก ออกให้เล่นกันมาตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1989 และเริ่มนับเป็นงวดที่ 1 ใหม่ แรกเริ่มนั้นจำหน่ายในราคาฉบับละ 5 จั๊ต เงินรางวัลสูงสุดมีค่า 3 แสนจั๊ต ต่อมาในงวดที่ 28 ตรงกับ วันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1991 เป็นต้นมา จึงได้เพิ่มเงินรางวัลสูงสุดเป็น 1 ล้านจั๊ต และต่ำสุด 1,500 จั๊ต ราคาจำหน่ายฉบับละ 10 จั๊ต หวยรัฐบาลในปัจจุบันมีรางวัลถึง 16,833 รางวัล และมีประเภทรางวัลถึง 12 ประเภท เป็นรางวัลถูกตรงตัว 8 ประเภท ส่วนรางวัลอีกประเภทหนึ่งเป็นรางวัลใกล้เคียงหรือรางวัลเฉียด
การซื้อหวยมักนิยมซื้อเป็นชุด อาจตามชุดอักษรที่มีตัวเลข ไล่เรียงกัน หรือตามชุดตัวเลขที่ต่างเฉพาะหมวดอักษร ถือเป็นการซื้อดักเงินรางวัล หากไม่ถูกตรงตัวก็อาจมีโอกาสถูกรางวัลใกล้เคียงได้เช่นกัน ว่ากันว่าคนพม่าน้อยคนนักที่ตามเล่นหวยแล้วไม่เคยถูกรางวัล แต่ก็มักถูกกันเฉพาะรางวัลเล็กๆเป็นส่วนมาก
หวยรัฐบาลนี้ยังนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หวยอ่องบ่าเล สำหรับที่มาของคำว่า อ่องบาเล นั้น เชื่อว่าคงจะ กลายเสียงมาจากคำว่า อ่องบ่าเซ มีความหมายว่า “ขอจงสำเร็จ” หรือ “ขอให้มีโชค” นับว่าเป็นชื่อหวยที่แฝงนัยเป็นแรงจูงใจให้กับผู้ซื้อ
หวยรัฐบาลพม่านั้นออกเป็นหมวดอักษรมานับแต่แรก ก่อนหน้านี้มีการแบ่งหมวดหวยเป็นทั้งอักษรพม่าและอักษรโรมัน แต่พอมาถึงหวยในยุคของรัฐบาลสล็อร์ก กองสลากพม่าได้ยกเลิกหมวดหวยที่เป็นภาษาอังกฤษออกเสีย เหตุน่าจะเนื่องมาจาก นโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างสำนึกร่วมกันของชนในชาติ โดยมองว่าวัฒนธรรมอาณานิคมที่อังกฤษทิ้งไว้ให้นั้นเป็นร่องรอยของความปวดร้าวแต่อดีต ดังนั้นชื่อบ้านนามเมืองทั้งหลายที่เคยเรียกตามฝรั่งนั้น จึงได้รับการแก้ไขให้เป็นภาษาพม่าซึ่งเป็นภาษาประจำชาติ ด้วยเหตุนี้หมวดหวยจึงน่าจะได้รับผลกระทบจาก นโยบายดังกล่าวเช่นกัน
หวยรัฐบาลในปัจจุบันยังคงเป็นหวยเลข 6 หลักเช่นเดิม แต่จำแนกหวยตามหมวดอักษรถึง 36 ชุด การถือหมวดหวย 36 หมวดนี้ คงยึดตามจำนวนตัวหวยของหวย 36 ตัวที่เคยเล่นกันมาแต่เดิม การกำหนดหมวดหวยจะกำหนดด้วยอักษรพยัญชนะที่มีอยู่ในภาษาพม่าจำนวน 33 ตัว กับอักษรประสมอีก 3 คู่ ครบตามจำนวน 36 หมวด ดังนี้
หวยรัฐบาลในปัจจุบันนี้ ออกโดยกองสลากพม่า ที่เรียกว่า อ่องบ่าเลเตงซุฐานะแคว แปลว่า “กองรางวัลเงินแสนหวยอ่องบ่าเล” กองนี้อยู่ในกรมสรรพากร กระทรวงกิจการภายใน การจำหน่ายหวยนั้น รัฐบาลจะส่งต่อให้กับตัวแทนจำหน่ายเพื่อนำมาจำหน่ายปลีก หวยนี้มีกำหนดออกเพียงเดือนละครั้ง โดยเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 3 ของทุกเดือน และมีกำหนดปิดจำหน่ายตามท้องที่ หากเป็นเขตเมืองย่างกุ้ง จะปิดขายในวันสิ้นเดือน ส่วนตามต่างจังหวัดจะปิดขายหวยในวันก่อนวันสิ้นเดือนหนึ่งวัน สำหรับวันหวยออกนั้น กำหนดเป็นวันที่ 3 ของเดือน ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันเริ่มจำหน่วยหวยงวดถัดไป
ส่วนเงินรางวัลนั้น ผู้ถูกหวยจะได้รับเงินเต็มจำนวนโดยไม่ต้องหักภาษี กองสลากกำหนดช่วงเวลาในการขึ้นเงินไว้เป็นระยะ 1 ปี หากพ้นกำหนดดังกล่าวเงินรางวัลนั้นจะนำเข้ารัฐทันที
ในการจำหน่ายหวยนั้น ผู้แทนจำหน่ายที่เป็นร้านใหญ่ๆ จะตั้งรางวัลสมนาคุณแก่ลูกค้าของตนที่ถูกรางวัลใหญ่ จึงทำให้มีการแข่งขันกันตกรางวัล เพื่อดึงลูกค้าประจำ รางวัลที่แจกมักจะ เป็นรถเก๋ง และจักรยานยนต์ ทำให้ผู้ถูกรางวัลใหญ่ได้ลาภถึง 2 ชั้น ทั้งจากเงินรางวัลและจากของสมนาคุณ อีกทั้งจะมีการจัดงานฉลอง ที่เรียกว่า “งานประกาศเกียรติคุณ” ซึ่งภาษาพม่าจะใช้ว่า โก่งปยุแอะขั่งบะแว มีการเชิญญาติพี่น้อง มิตรสหาย ตลอดจนหมอดู และเจ้าของร้านหวยมาร่วมฉลอง อีกทั้งยังต้องโฆษณาชื่อผู้โชคดีและชื่อร้านที่ขายหวยนั้นอีกด้วย การซื้อขายหวยรัฐบาลจึงมีบรรยากาศดูคึกคักมากทีเดียว แต่เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลได้สั่งยุติการแจกรางวัสมนาคุณดังกล่าวเสียชั่วคราว
เข้าใจว่าเพื่อลดช่องทางการฟอกเงินที่ได้จากเงินรางวัลใหญ่ การซื้อขายหวยจึงเงียบเหงาลงไปขณะหนึ่ง แต่ก็กลับคึกคักขึ้นมา อีกในระยะหลัง นอกเหนือจากหวยรัฐบาลซึ่งออกเดือนละครั้งแล้ว ชาวบ้าน ยังนิยมเล่นหวยใต้ดินที่เรียกกันว่า แช หวยใต้ดินของพม่านี้ เป็นหวยที่ได้รับอิทธิพลจากหวยใต้ดินของไทย เริ่มเล่นกันมาราว 20 ปีแล้ว วิธีเล่นก็คล้ายกับของไทยเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นยังยึดตามเลขหวยของไทยอีกด้วย หวยใต้ดินพม่าจึงมีเล่นกันเดือนละ 2 งวด ตามวันที่หวยไทยออก การแทงหวยจะแทงเฉพาะเลขสามตัวสุดท้าย ของรางวัลที่หนึ่งเท่านั้น ทางพม่าเรียกว่าเลข โตงโลง แปลว่า“สามตัว” และอาจเรียกหวยใต้ดินนี้ว่า โตงโลงแช ขึ้นชื่อว่าโตงโลงแล้ว ชาวพม่าก็จะรู้ทันทีว่าเป็นหวยใต้ดินจากไทยนั่นเอง หวยชนิดนี้ได้รับความนิยมกันไม่น้อยเล่นกันหลายท้องที่ ทั้งที่เมาะละแหม่ง ย่างกุ้ง จนถึงมัณฑะเล โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย
ถึงวันหวยออกในเมืองไทย ชาวพม่าก็จะเปิดวิทยุดักฟังเลขหวยรางวัลที่หนึ่งของไทย คนพม่าบางคนโดยเฉพาะพวกเจ้ามือหวย จะรู้จักเลขไทยเป็นอย่างดี หากถูกตำรวจจับได้ ผู้ขาย มีโทษจำคุก 6 เดือน ส่วนผู้ซื้อมีโทษจำคุก 3 เดือน คนที่ถูกจับมักเป็นผู้ขายปลีก มากกว่าเจ้ามือรายใหญ่ และเรื่องมักถึงตำรวจในกรณีที่ผู้ซื้อถูกเบี้ยวเงินรางวัล เลยมักถูกดำเนินคดี ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ปัจจุบันชาวพม่าจึงสามารถเล่นหวยได้ถึงเดือนละ 3 งวด เป็นหวยรัฐบาลพม่า 1 งวด และเป็นหวยใต้ดินอิงหวยรัฐบาลไทยอีก 2 งวด เมื่อเป็นเช่นนี้ หัวใจของนักเลงหวย ที่หวังอยู่กับลาภลอย จึงเบ่งบานจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียว
เคล็ดลับอย่างหนึ่งของการเล่นหวยนั้น นักเลงหวยพม่าบอกว่าจะต้องขึ้นอยู่กับกุศลที่สร้างไว้ หากสร้างกุศลไว้มากก็ย่อมได้ลาภก้อนใหญ่ แต่ถ้าสะสมกุศลไว้น้อยก็ย่อมได้ลาภก้อนเล็ก หรืออาจไม่ได้เลย ฉะนั้นผู้เล่นหวยจึงต้องหมั่นสั่งสมบุญกุศลไว้ให้มากเท่าที่จะทำได้ นอกจากนั้นจะต้องหมั่นขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ช่วยเกื้อหนุน อีกทั้งก่อนซื้อก็ควรจะต้องพิจารณาตนว่าได้สร้างกุศลไว้ดีพอหรือยัง
หวยของชาวพม่านับแต่หวยท้องถิ่นอย่างหวย 36 ตัว หวยหลวงอย่างหวย 60 ตัว หวยรัฐบาลอย่างหวยอ่องบ่าเล ตลอดจน หวยชุมชนอย่างหวยใต้ดินนั้น เฟื่องฟูขึ้นมาจนเป็นกิจการของรัฐและธุรกิจในชุมชนได้นั้น ก็เพราะหวยสามารถสนองความต้องการ มั่งมีด้วยวิธีอันง่าย รัฐจึงใช้หวยเป็นช่องทางหนึ่งในการหารายได้เข้ารัฐอย่างเป็นกอบเป็นกำ นับเป็นภาษีสังคมที่ประชาชนยินยอมเสียให้รัฐโดยสมัครใจ ในส่วนของประชาชนนั้นกลับมองว่า หวยจะเป็นที่มาของโชคลาภที่ต้องเสี่ยงเอา มีการคิดหาหนทางเพื่อให้ได้ลาภก้อนใหญ่จากหวย อาทิ สร้างกุศลในแนวทางพุทธศาสนา เพื่อหวังลาภยิ่งกว่านิพพาน บนบานขอความเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนคิดค้นวิธีการเก็งหวยกันต่างๆ นานา และบ้างเล่นหวยอย่างคลั่งไคล้ จนมองไม่เห็นความเป็นจริง ปรากฏการณ์การเล่นหวยในสังคมพม่าจึงมีสภาพที่ไม่ต่างไปจากสังคมไทยเราทุกวันนี้