
แม้ข้อเท็จจริงทางภูมิศาสตร์จะบอกเราว่า พม่าเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มี เขตแดนติดต่อกับประเทศไทย แต่ความรู้สึกเหินห่างที่คนไทยมีต่อพม่า โดยรวม (หมายรวมถึงชนกลุ่มน้อยต่างๆ เบ็ดเสร็จ) นั้น อาจกล่าวได้ว่า เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เริ่มจากความจริงทางประวัติศาสตร์ที่ไทยเป็นศัตรูกับพม่ามา ช้านาน ก่อให้เกิดความรู้สึกหวาดระแวงไม่ไว้วางใจต่อกัน มาจนถึงสมัยที่พม่าถูก ปกครองโดยรัฐบาลทหารที่ทำการปิดประเทศ ความเหินห่างนี้ได้รุนแรงมากยิ่งขึ้น จนใน ปัจจุบันความรู้สึกที่คนไทยโดยทั่วไปมีต่อประเทศพม่าเกือบจะเรียกได้ว่าไม่มีความ รู้สึกผูกพันทางจิตใจเยี่ยงเพื่อนบ้านในลักษณะเดียวกับที่คนไทยมีต่อประเทศลาว หรือมาเลเซียเลย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีชาวพม่าและชนกลุ่มน้อยอพยพเข้ามาเป็นผู้ใช้ แรงงานในประเทศไทย ท่าทีที่คนไทยมีต่อพม่ากลับเป็นท่าทีที่เป็นไปในทางลบ ทั้งนี้ เพราะคนไทยไม่เคยได้รับรู้ถึงประวัติความเป็นมาของปัญหาที่แท้จริงที่ผู้อพยพเหล่านี้ได้เผชิญมาในประเทศของพวกเขา
บนหน้าปกของ “นิตยสารสาละวินโพสต์” ทุกเล่มมีวลีสั้นๆ เขียนว่า “แบ่งปัน ความเข้าใจสู่เพื่อนบ้าน” และนี่คือคำตอบที่ว่า ทำไมนิตยสารฉบับนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับพม่า ความสัมพันธ์ที่ว่านี้ มิได้ หมายถึงความสัมพันธ์ทางการทูต การเมือง การค้า เศรษฐกิจ หรือทางการทหาร แต่เป็นความสัมพันธ์ที่จะเป็นรากฐานของความสัมพันธ์อันดีอื่นๆ ทั้งปวง นั่นคือ การสร้างความรัก ความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ ในจิตใจของคนไทยต่อชาวพม่า ไม่ใช่ใน ฐานะคนที่มีชายแดนอยู่ติดกัน แต่ในฐานะผู้ที่เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ของโลกใบนี้เช่นเดียวคนไทยและเพื่อนบ้านในประเทศอื่นๆ
สาละวินโพสต์ เป็นสิ่งพิมพ์ภาษาไทยที่เสนอข้อมูลเกี่ยวกับประเทศพม่าและ ชนกลุ่มน้อยในลักษณะที่พิเศษกว่าสิ่งพิมพ์ที่ NGO อื่นๆ นำเสนอ สาละวินโพสต์มิใช่ จดหมายข่าว หรือหนังสือพิมพ์ที่เป็นกระบอกเสียงให้คนพม่าผู้ทุกข์ยาก หากเสนอสาระ และข้อเท็จจริงในรูปแบบของ “นิตยสาร” ที่ข้อเขียนและคอลัมน์ต่างๆ นำเสนอด้วย ภาษาและ ท่าทีของ “การเล่าเรื่อง” เรื่องราวต่างๆ ในเล่มมีเนื้อหาหลากหลายให้ ความรู้ทางด้านวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนพม่าและชนเผ่า วิธีการนำเสนอกระทำโดยปราศจากการประนามหรือกล่าวโทษ หากเป็นการเล่าเรื่องที่อ่อนน้อมถ่อมตน เสมือนผู้อ่านได้รับฟังจากปากของผู้ที่ประสบเหตุการณ์นั้นมาจริงๆ
การนำเสนอปัญหาของนิตยสารสาละวินโพสต์เป็นการเสนอที่แยบยลและ แยบคาย ทำให้ผู้อ่านชาวไทยค่อยๆ ซึมซับและปรับเปลี่ยน ความรู้สึก ท่าที และอคติที่มีต่อพม่าและชนกลุ่มน้อย การ“ปรับ ความรู้สึก” และสร้างความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องค่อยเป็นค่อยไปและต้องอาศัยเวลา
ปัญหาของนิตยสารสาละวินโพสต์น่าจะอยู่ที่วงจำกัดของผู้อ่าน แต่ก็อาจทำให้เรื่องประเด็นพม่าเป็นที่สนใจมากขึ้น ในหมู่ผู้อ่านคนไทยได้โดยอาศัยการเสนอสาระ ในลักษณะเดียวกันนี้ตามสื่อและสิ่งพิมพ์อื่นๆ บ้างเป็นครั้งคราว โดยในข้อเขียนอาจจะ อ้างถึงนิตยสาร สาละวินโพสต์เพื่อให้ชื่อนี้ได้ผ่านตาผู้อ่าน ก็อาจจะช่วยขยายวงผู้อ่านได้มากขึ้น
เสียงสะท้อนจาก ศิลปินและนักเขียนชาวไทย
จิตติมา ผลเสวก
ตอนนี้สาละวินโพสต์เป็นนิตยสารเล่มเดียวในประเทศไทยที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศพม่าอย่างรอบด้าน ทั้งวิถีชีวิตผู้คน ในเขตประเทศพม่าและนอกประเทศรวมถึงชนกลุ่ม น้อยต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสิ่งแวดล้อมสังคม วัฒนธรรมรวมถึงอาหารการกินที่เกี่ยวกับพม่า ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ไม่สามารถหาอ่านได้ตามนิตยสารเล่มอื่นๆ ในเมืองไทย ซึ่งมักจะนำ เสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับประเทศพม่าในแง่มุมของปัญหาการเมือง แรงงานพม่าในไทย หรือไม่ก็เป็นเรื่องท่องเที่ยวเท่านั้น อยากเห็นหนังสือที่มีเนื้อหาน่าสนใจอย่างนี้ควรจะปรับมาออกเดือนละครั้ง เพื่อนำเสนอเนื้อหาได้ทันสถานการณ์ขึ้น แต่ควรจะปรับลีลาการเขียนของนักเขียน ในเล่มให้น่าอ่านมากกว่านี้ นำเสนอเนื้อหาที่หนักแน่นเข้มข้นโดยไม่จำเป็นต้อง วิชาการมาก แต่ไม่ควรบางเบาเกินไป และถ้าเป็นไปได้น่าจะเพิ่มจำนวนหน้า เพื่อให้มี พื้นที่นำเสนอเรื่องราวได้มากขึ้น และปรับ รูปเล่มให้ดูดีเป็นมืออาชีพ เชื่อว่าสาละวิน โพสต์จะสามารถเป็นหนังสือที่มียอดจำหน่ายสูงจนอยู่ด้วยตัวเองได้
เสียงสะท้อนจาก นักเขียนแนวสารคดี นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว
อ่านสาละวินโพสต์แล้ว ได้ความรู้เกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยในพม่ามากขึ้น มองเห็นชีวิตความเป็นคน ของพวกเขา เห็นวัฒนธรรมประเพณีอันรุ่งเรืองละเอียดประณีต และเห็นในความทุกข์ยากของเขา เข้าใจปัญหา ของประเทศพม่ามากขึ้นเข้าใจปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย และไทยกับพม่ามากขึ้น สาละวินโพสต์เจาะเฉพาะ เรื่องพม่าโดยตรง ทำให้โฟกัสได้ตรงเป้าหมายของคนที่สนใจเรื่องภายในพม่า ใช้เป็นหนังสือค้นคว้าอ้างอิง เฉพาะเรื่องพม่าชนกลุ่มน้อยที่หาจากสื่ออื่นได้ลำบาก ประโยชน์ของสาละวินโพสต์ คือ ทำให้คนไทยเข้าใจปัญหาในพม่ามากขึ้น และเข้าใจชนกลุ่มน้อยใน พม่าที่อพยพมาเป็นแรงงานในไทยได้ สามารถป้องกันตัวจากความรุนแรงที่ชนกลุ่มน้อยนำมาถึงตัวเราได้ และช่วยให้เมตตา มีความเป็นเพื่อนให้กับชนกลุ่มน้อย แรงงานจากพม่าที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ได้ โดยไม่ไปรังเกียจหรือดูถูกพวกเขา อยากให้สาละวินโพสต์เติบโตเป็นแมกกาซีนเล่มใหญ่กว่านี้ เสนอประเด็นทางมานุษยวิทยามากกว่านี้ นอกเหนือไปจากประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะพวกนิทาน ตำนาน เรื่องเล่า วรรณกรรมสมัยใหม่ จิตรกรรมสมัยใหม่ นักดนตรี นักแสดงร่วมสมัยจากทางพื้นที่พม่ามากกว่านี้
เสียงสะท้อนจาก เภสัชกรหญิง
สุภาพร ปิติพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์
ดิฉันชอบหนังสือเล่มนี้มากเพราะทำให้เรารับรู้ความเป็นไปในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน บางทีก็ไม่อ่านเพราะมันเศร้าเกินไป ชอบเรื่องทำกับข้าวและนิทาน อ่าน สาละวินโพสต์แล้วได้รู้ว่าเรายังเป็นคนอยู่ ยังเจ็บปวดกับความทุกข์ของเพื่อนมนุษย์ นิตยสารเล่มนี้มีประโยชน์ตรงที่มันเป็นความจริงที่สังคมไทยควรรับรู้ และเข้าใจ ในคนด่างด้าวที่เข้ามา รับรู้ถึงความทุกข์ยาก ขมขื่น ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข อยากให้มีเรื่องวัฒนธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อ ประเพณี เพราะดิฉันชอบมาก
เสียงสะท้อนจาก นักเขียนไทยเชื้อสายมอญ
องค์ บรรจุน
อ่านสาละวินโพสต์แล้วเข้าใจเพื่อนบ้านและ “คน” มากขึ้น หากเอาเรื่องเล่าทาง ประวัติศาสตร์ที่ฝังใจออกไปโดยเพาะบทบาทของผู้นำ (และกษัตริย์) ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ที่ประชาชนเป็นผู้ปฏิบัติตามอำนาจสั่งการ ทั้งที่ไม่เคยเกลียดชังเป็นการส่วนตัวกันมาก่อน มีแต่ความทะยานอยากของผู้นำเท่านั้น เราจะเห็นความเป็น “คน” ที่มีรักโลภโกรธหลง รู้เจ็บ รู้ปวด รู้สึกหิว รู้สึกเกลียด รู้สึกดีต่อกัน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของสาละวินโพสต์ดูจะ “รัก” คนที่ถูกกระทำโดยรัฐบาลทหารพม่าอย่าง “ความรักทำให้คนตาบอด” ละเลยมุมเทาๆ (ภาพพจน์ ด้านที่ไม่ดีของแรงงาน) อยู่บ้าง ซึ่งสีเทาๆ นั้นมีด้วยกันทุกชาติพันธุ์ มอญเองก็มี สำหรับบทบาทของสาละวินโพสต์ต่อคนมอญ สำหรับผมแล้ว ผมเห็นว่า สาละวินโพสต์นำเสนอเรื่องมอญได้พอสมควร เพราะผมไม่หวังมาก ด้วยพวกเรายังมีช่องทางอื่น รวมทั้งสื่อของเราเองด้วย ส่วนเรื่องราวเกี่ยวกับชาติพันธุ์อื่นๆ ในพม่า ซึ่งมีมากกว่า 100 ชาติพันธุ์นั้น ดูว่าสาละวินโพสต์จะพูดถึงน้อย มีแต่ ชาติพันธุ์ใหญ่ๆ ซึ่งผมยอมรับว่าไม่ได้ติดตามทุกฉบับโดยละเอียด แต่เท่าที่หยิบขึ้นมาอ่าน บ่อยครั้งก็จะพบแต่เรื่องไทใหญ่ ปกาเกอะญอ อยู่เสมอ อาจด้วย ข้อจำกัดทางบุคลากรที่จะเข้าถึงข้อมูลของชาติพันธุ์เล็กๆ ก็ได้ หรืออาจเป็นเพราะชาติพันธุ์อื่นๆ ไม่ค่อยได้ทำตัวให้เป็นข่าวก็เป็นไปได้ ความแตกต่างของสาละวินโพสต์กับสื่ออื่นๆ คือ เป็นสื่อทางเลือกเฉพาะทาง ข้อมูลจากประสบการณ์จริงภาคสนามลึก ผมอยากให้สาละวินโพสต์เพิ่มเติมเนื้อหาให้มากขึ้น ไม่เฉพาะในแผ่นดินพม่า คนพม่า ออกไปสู่ความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ แผ่นดินอื่นๆ ทำการตลาด กระจายร้านส่งเพิ่มขึ้น เพื่อให้ถึงสายตาผู้อ่านมากขึ้น
เสียงสะท้อนจากผู้เข้าค่ายนักเขียน “มิตรภาพสู่พรมแดนตะวันตก”
อ่านสาละวินโพสต์แล้วได้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศพม่าทุกแง่มุม ในรูปแบบที่ต่างจากหนังสือพิมพ์และหนังสือเรียนที่ให้ความรู้เหมือนกัน แต่เสพง่ายกว่าเยอะ ความแตกต่างของสาละวินโพสต์กับสื่ออื่นๆ คือ ถ้าคุณกำลังค้นหานิตยสารที่ให้ความรู้และ ข่าวสารเกี่ยวกับประเทศพม่า คงไม่มีนิตยสารภาษาไทยเล่มไหนที่มีเนื้อหาอัดแน่นเท่ากับ “สาละวินโพสต์” อีกแล้ว ดังนั้นความแตกต่าง คือเนื้อหาและการนำเสนอของนิตยสารที่สื่อถึงความเป็นพม่าอย่างชัดเจน การนำเสนอเนื้อหาที่เป็นอยู่นับว่าดี อาจคาดหวังอยากให้ปรับเปลี่ยนรูปเล่ม กราฟฟิกบ้างเพื่อ ความแปลกใหม่
ดวงฤทัย เดชอุดม บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ความแตกต่างของสาละวินโพสต์กับสื่ออื่นๆ คือเป็นนิตยสารที่เฉพาะเจาะจงของเนื้อหาที่ เกี่ยวข้องกับกลุ่มชนในประเทศพม่าในด้านต่างๆ ซึ่งก็คงจะหาข้อมูลและเรื่องราวได้จากสื่ออื่นๆ ได้น้อย ตรงนี้เป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจประเด็นเกี่ยวกับเพื่อนบ้านของเราในด้านต่างๆ ส่วนในสื่อที่เป็นเว็บไซด์ ผมคิดว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตคงจะเข้าถึง ได้ง่ายและอีกอย่างไม่เสียเงินซื้อเหมือนที่เป็นหนังสือ และข่าวสารอัพเดทตลอด ซึ่งเป็นข่าวสารที่เป็นประโยชน์
ผมคิดว่าควรจะทำให้สาละวินโพสต์ไปอยู่ในทุกๆ ห้องสมุดในโรงเรียนและในมหาวิทยาลัย และห้องสมุดชุมชน ถ้าสามารถทำได้ก็น่าจะเกิดประโยชน์อย่างมาก คนไทยจะได้รู้จักเพื่อนบ้านจากฝั่งพม่าได้มากขึ้น
ประวิทย์ มุ่นเชย เจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนจาก จ.พังงา
อ่านสาละวินโพสต์แล้วได้ความรู้เกี่ยวกับพม่าสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในพม่า การใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวพม่าผลัดถิ่นในไทย แง่มุม ทัศนคติของนักวิชาการไทยต่อประเด็นเรื่องพม่า ความแตกต่างของสาละวินโพสต์กับสื่ออื่นๆ คือ สื่ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพม่า มักเจาะจงเป็นเรื่องเฉพาะตามประเด็นขององค์กรนั้นๆ ทำให้ผู้อ่านขาดมิติอื่นๆ แต่ สาละวินโพสต์เป็นนิตยสารสารคดีเกี่ยวกับพม่าที่สื่อให้เห็นถึงมิติต่างๆ ของพม่าได้ ครอบคลุมกว่า
อยากให้สาละวินโพสต์ทำเป็นนิตยสารสองภาษา หรืออาจ สามภาษา ไทย อังกฤษ พม่า และอยากให้มีสื่ออื่น ๆ นอกเหนือจากนิตยสารและเว็บไซต์ เป็นต้นว่า รายการวิทยุ หรือ สารคดีทางทีวี ในส่วนของเนื้อหา อยากให้ครอบคลุมไปถึงความเป็นพม่าๆ อื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือ พม่า ไทย หรือ ชายแดนไทย-พม่า
ธนารักษ์ ณ ราช บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อ่านสาละวินโพสต์แล้วได้(ความ) 5 อย่าง ได้แก่ ความรู้, ความเข้าใจ, ความเห็นอกเห็นใจ, ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความพัฒนา ความรู้ได้มาจากข่าว บทความ และคอลัมน์ ต่างๆ ที่สาละวินโพสต์นำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นข่าว สถานการณ์ความเคลื่อนไหวในประเทศพม่า เช่น ข่าวการเมือง รูปแแบบการปกครองของพม่า การเรียกร้องประชาธิปไตยเพื่อประชาชนคนกลุ่มน้อยชาวพม่าที่ถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของชนกลุ่มน้อยชาวพม่า วิถีชีวิตของชนกลุ่มน้อยชาวพม่าที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย ปัญหาของชนกลุ่มน้อยชาวพม่า
รวมถึงได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม เช่น วัฒนธรรมชนเผ่า วัฒนธรรมด้านภาษา วัฒนธรรม ด้านอาหาร วัฒนธรรมด้านการแต่งกาย ฯลฯ หลังจากได้เรียนรู้แล้วทำให้เกิดความเข้าใจชนกลุ่มน้อยที่อยู่ในประเทศไทยมากขึ้น เห็นคุณค่า ของเขา ไม่ดูถูกเขา ไม่เห็นเขาเป็นเพียงคนต่างด้าว เห็นใจเขา และเกิดความคิดที่จะช่วยเหลือเขาเมื่อ เขาประสบปัญหา เช่น ปัญหาการว่างงานปัญหาเรื่อง ปากท้อง ปัญหาถูกเอารัดเอาเปรียบ ปัญหาด้าน การศึกษา ฯลฯ สุดท้ายเกิดการพัฒนา ทั้งตัวผู้อ่านเอง และชนกลุ่มน้อยชาวพม่า ด้านตัวผู้อ่านเกิดการพัฒนาด้านทักษะการเขียนสารคดีเชิงลึก ได้สะสมแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยชาวพม่าและการเมืองประเทศพม่า มากขึ้น เช่นเรื่องราวเกี่ยวกับแรงงานพม่า ปัญหาสุขภาพ ปัญหาด้าน การศึกษา ฯลฯ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชนกลุ่มน้อยชาวพม่าให้ดียิ่งขึ้นจากการช่วยเหลือจากหลายๆ ฝ่าย เช่น เอ็นจีโอ องค์กรรัฐ หรือองค์กรเอกชนอื่นๆ
ความแตกต่างของสาละวินโพสต์กับสื่ออื่น ๆ คือ สาละวินโพสต์ เน้นสารคดีเชิงลึก เน้นการเมืองการปกครองที่รุกล้ำสิทธิของชนกลุ่ม น้อยชาวพม่า การเรียกร้องประชาธิปไตยที่ไม่เป็นธรรม และสร้างความเข้าใจให้คนไทยคำนึงถึงคุณค่าของพวกเขา โดยมีการเก็บข้อมูลค่อนข้าง ละเอียด และแหล่งข้อมูลค่อนข้างลึก อยากให้สาละวินโพสต์สร้างเครือข่ายผู้อ่านคนไทย และเครือข่าย ชนกลุ่มน้อย ทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และต่อสู้ให้ ชนกลุ่มน้อยได้กลับบ้านอย่างชาวพม่าคนหนึ่งหรือได้ปกครองกันเอง อย่างอิสระ
วีรวัลย์ สุขใจ นักศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวร
จาก “ริมน้ำเจ้าพระยา” สู่“สาละวินโพสต์”
ปกติแล้วผมชอบอ่านนิตยสารอย่าง มาก เพราะนิตยสารเป็นสิ่งพิมพ์ที่สามารถตี กรอบความรู้จนเป็นหนังสือเฉพาะทางที่ให้ ข้อมูลต่อเนื่อง ตอนเด็กๆ ผมชอบอ่าน (และดูรูป) จาก “บ้านและสวน” เพราะมันทำให้ ผมมีความรู้สึกรักและอยากเอาใจใส่กับบ้าน ของตัวเองมากยิ่งขึ้น ในสมัยมัธยมในขณะที่ เพื่อนคนอื่นชอบอ่านนิตยสารเกมออนไลน์ แต่ผมและเพื่อนอีกกลุ่มกลับสนใจ“คู่สร้าง คู่สม” ซึ่งเป็นนิตยสารที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่ แปลกใหม่ในราคาประหยัด ทั้งเพื่อนอีกหลายๆ คนยังชอบอ่านดวงในหนังสือเล่มนั้น ทำให้ คู่สร้างคู่สมเป็นนิตยสารประจำห้องที่จะต้อง ซื้อติดห้องเอาไว้เสมอ
ปัจจุบันที่ผมเรียนในระดับมหาวิทยาลัย การศึกษาในสาขาวิชา “อุษาคเนย์ศึกษา” ของ ผมทำให้ผมต้องตื่นตัวใน “ภูมิภาค” และเรื่อง ต่างๆ ในรอบบ้านเรามากยิ่งขึ้น แต่ถึงกระนั้นแม้สาขาของผมจะตีกรอบให้แคบเหลือเพียง ภูมิภาคเล็กๆ ที่กำลังตั้งไข่อย่าง “เอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้” เท่านั้นแต่ความกว้างที่มีถึง 10 ประเทศยังทำให้ผมต้องหาจุดสนใจที่ลึกลงไป
จนกระทั่งผมเห็น “สาละวินโพสต์” ครั้งแรกบนแผงหนังสือหน้าคณะ นิตยสารราย 2 เดือนเล่มนี้ได้สร้าง“ความเข้าใจสู่ประเทศ เพื่อนบ้าน” ให้กับผมจากที่ไม่เคยสนใจใน ประเทศพม่าเหมือนคนอื่นๆ สู่การศึกษาและให้ความสนใจในประเทศนี้อย่างจริงจัง ผ่าน บทความเชิงสารคดีที่มีคุณภาพในราคาที่ไม่ แพง ทำให้ผมซึ่งเป็นผู้อ่านรู้สึกสนุกไปกับ สาระเกี่ยวกับประเทศพม่าที่ได้รับและอยากรู้ เพิ่มเติมในประเทศที่มีมากกว่าการเมืองที่น่า จับตาประเทศนี้
วันนี้ผมได้ต่อยอดความสนใจที่เกิดจาก “สาละวินโพสต์” ด้วยการเลือกศึกษาเกี่ยวกับ ประเทศพม่าอย่างจริงจัง ผมเลือกเรียนภาษาพม่าที่เปิดสอนในปีนี้และมีความคิดที่จะเรียน วิชา “พม่าศึกษา” ที่กำลังจะเปิดสอนในอนาคต
นิตยสารราย 2 เดือน “สาละวินโพสต์” ได้ให้ความแตกต่างที่สำคัญสู่การสร้างความ เข้าใจสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างแท้จริง เพราะสาละวินโพสต์เป็นนิตยสารเชิงสารคดีที่เกี่ยวกับประเทศพม่าเพียงไม่กี่ฉบับ และมากกว่านั้นตรงที่สาละวินโพสต์เป็นฉบับภาษาไทย ทำให้ สาละวินโพสต์มีจุดต่างกับนิตยสารเกี่ยวกับพม่ารายอื่นๆ ที่จะสร้างความเข้าใจในประเทศ เพื่อนบ้านได้มากกว่า และที่สำคัญกว่านั้นในราคาที่ถูกกว่านิตยสารเกี่ยวกับพม่าเล่มอื่นๆ เป็นอย่างมาก(โดยเฉพาะนิตยสารฉบับภาษาอังกฤษที่มักตั้งราคาสำหรับขายชาวต่างชาติเสมอ)
นอกจากนั้น “สาละวินโพสต์” ยังมีความหลากหลายในประเทศพม่าอยู่ในเนื้อหาของ เล่ม นอกจากการเมืองที่ต้องให้ความสนใจอยู่แล้ว นิตยสารเล่มนี้ยังมีบทความทางวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ และบ้านเมืองของประเทศพม่าที่น่าสนใจ ซึ่งส่วนใหญ่นิตยสารเล่มอื่นๆ จะไม่ได้สนใจในความหลากหลายเหล่านี้ ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นการให้ความรู้ที่หลากหลายดังเช่น นิตยสารเล่มนี้มีความสำคัญ ดังที่อ.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเทศพม่าเคยกล่าวไว้ว่า
“เราต้องมองประเทศพม่าจากคนพม่า ไม่ใช่รัฐบาลทหารพม่า”
สาละวินโพสต์จึงเป็นนิตยสารที่ “สร้างความเข้าใจสู่ประเทศพม่า” ที่เข้าถึง “เพื่อนบ้าน” อย่างประเทศไทยอย่างแท้จริง “สาละวินโพสต์” เป็นนิตยสารที่มีเนื้อหาเป็นจุดขายอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นนิตยสารที่ ผู้อ่านสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายเพราะมีราคาที่ไม่แพง สาละวินโพสต์จึงสามารถครองใจผู้อ่านได้หลายกลุ่ม ตั้งแต่ผู้ที่สนใจพม่าอย่างแท้จริง ผู้ที่อยากไปเที่ยวประเทศพม่า ไปจนกระทั่งนัก อ่านที่มีกำลังทรัพย์ไม่มากพอที่จะไปซื้อนิตยสารเชิงสารคดีเล่มใหญ่ๆ มาอ่าน
แต่สิ่งที่อาจจะทำให้ “สาละวินโพสต์” สามารถเข้าถึงผู้อ่านได้มากขึ้นอาจจะเป็นเรื่อง ของการขายที่น่าจะเพิ่มช่องทางการขายให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้อ่านสามารถรับรู้ความมีอยู่ของนิตยสารที่เจาะลึกเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศพม่าผ่านบทความเชิงสารคดีเล่มนี้ ผมเชื่อว่าถ้ามี คนอีกหลายๆ กลุ่มได้มีโอกาสได้พบเห็นและหยิบอ่าน ก็อาจทำให้ “สาละวินโพสต์” ได้ทำหน้าที่ “สร้างความเข้าใจในประเทศพม่า” ได้มากขึ้นอีกหลายคนและหลายบ้าน
ในขณะเดียวกัน อาจจะมีผู้ที่สนใจในประเทศพม่าแต่อาจไม่ชอบการ “อ่าน” เท่าใดนัก สาละวินโพสต์จึงควรใช้โอกาสนี้เป็นตัวกลางในการ “สร้างความเข้าใจ” ผ่านเครือข่ายสังคม ออนไลน์ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ตั้งแต่การรายงานผ่านข้อความสั้นไม่เกิน 140 ตัวอักษรใน Twitter หรือทาง Facebook จนกระทั่งการจัดทำเป็นคลิปวีดีโอการรายงาน สถานการณ์และเรื่องราวต่างๆ ในประเทศพม่า แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์และเครือข่ายสังคม ออนไลน์ การเพิ่มความเข้าใจในช่องทางเหล่านี้อาจทำให้สาละวินโพสต์ได้จำนวนผู้อ่านและ ผู้ที่สนใจมากยิ่งขึ้น และทำให้สาละวินโพสต์เป็น “แนวหน้า” ของการเปิดพรมแดนความรู้ ในประเทศพม่าที่สำคัญต่อไป
จอมพล ดาวสุโข นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นิตยสารสาละวินโพสต์เป็นเสมือนพื้นที่ที่ทำให้คนไทยหรือผู้อ่านได้รับทราบข้อมูล ข่าวสารแง่มุมต่างๆ เกี่ยวกับประเทศพม่า มิใช่เพียงแค่มุมมองทางด้านการเมือง หากแต่เป็น กระจกที่สะท้อนมุมมองด้านสังคมวัฒนธรรม ตลอดจนปัญหาอื่นๆ และข้อเท็จจริงที่สังคมไทย ส่วนใหญ่ไม่เคยรับรู้เมื่อได้อ่านและติดตามเนื้อหา ประเด็นของนิตยสารนี้ที่ได้ตีพิมพ์ในแต่ละ ฉบับทำให้เราได้เรียนรู้ ฉุกคิด คิดอย่างระวังและเข้าใจประเทศเพื่อนบ้านในมุมมองใหม่ ซึ่งจะส่งผลประโยชน์อันดียิ่งต่อการสร้างความรู้ความเข้าใจ ในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของผู้คนใน สังคมไทยกับเพื่อนบ้าน
ความแตกต่างของสาละวินโพสต์ คือ
....เป็นสื่อที่นำเสนอเนื้อหา ข้อเท็จจริงและเรื่องเกี่ยวกับประเทศพม่าที่แตกต่างจากสื่อ อื่นๆ เช่น การท่องเที่ยว สังคม วัฒนธรรมในเชิงสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาส่วนที่ จับกระแสสังคมโลก ซึ่งจะต่างจากสื่ออื่นที่ส่วนใหญ่จะตีแผ่เรื่องราวของประเทศพม่าในมุมมอง เดียวหรือเฉพาะประเด็นเช่นการเมืองและแรงงานข้ามชาติ และเป็นไปในลักษณะการนำเสนอที่ไม่ค่อยเป็นกลาง ซึ่งอาจจะนำไปสู่การสร้างอคติให้กับคนในสังคมไทยที่มีต่อชาวพม่า แต่สาละวิน โพสต์จะพยายามนำเสนอข้อเท็จจริง และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและสร้างสรรค์ให้กับ ผู้อ่าน เพื่อจะได้เข้าใจปัญหาของประเทศพม่าตลอดจนการสร้างความเข้าใจเสียใหม่ให้กับคนในสังคมไทย
...เป็นหนึ่งในนิตยสารไม่กี่ฉบับในเมืองไทยที่กล่าวถึงหรือเจาะประเด็นเรื่องประเทศ เพื่อนบ้านของประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมิสามารถดำรงอยู่โดยโดดเดี่ยวภายในยุค โลกาภิวัฒน์ได้ เพราะฉะนั้นการเรียนรู้ ทำความรู้จัก หรือรู้เท่าทันเหตุการณ์ต่างๆ เรื่องราวต่างๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน จึงนับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศ ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนของทั้งสองประเทศ ฉะนั้น สื่อดีๆ และ สร้างสรรค์อย่างสาละวินโพสต์จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยประสานความรู้ความเข้าใจ ระดับประเทศตลอดจนระดับภูมิภาคอุษาคเนย์ให้มีความมั่นคงได้
...เป็นนิตยสารที่สามารถนำข้อมูลหรือความรู้ไปต่อยอดทางวิชาการได้
...เป็นนิตยสารที่มีเนื้อหาและเรื่องราวเกินราคาขาย อยากเห็นสาละวินโพสต์เติบโตในทิศทางอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมีเสถียรภาพ ทั้งด้านการผลิตสื่อและการเผยแพร่ กล่าวคือ …ในเชิงเนื้อหา ข่าวสาร และเรื่องราวนับว่ามีคุณภาพดีอยู่แล้ว
…ในเชิงการผลิตสื่อรูปเล่มก็สร้างสรรค์และทันสมัย น่าอ่าน
…ในเชิงการเผยแพร่หรือการตลาด ยังคงจำกัดอยู่แค่ในกลุ่มไม่กี่กลุ่ม อยากให้มี นโยบายหรือกระบวนการเผยแพร่ที่กว้างออกไปอีก ซึ่งตรงนี้ก็จำเป็นที่จะต้องใช้งบประมาณพอสมควร ...ลึกๆ แล้วอยากให้นิตยสารนี้อยู่ไปคู่กับสังคมไทยและสังคมพม่านานๆ ตราบเท่าที่ยังมีสองประเทศนี้อยู่บนผืนแผ่นดินอุษาคเนย์ เพราะสื่อนี้เป็นสื่อที่สำคัญที่เป็นแว่นขยายให้คนในสังคมไทยได้รู้จัก เข้าใจและเคารพใน ความเป็นตัวตนของประเทศเพื่อนบ้านอย่าง พม่า อีกทั้งเรื่องราวของเพื่อนบ้านที่มีต่อ สังคมไทยยังเป็นกระจกที่สะท้อนความเป็น ตัวตนของสังคมไทย ทำให้คนไทยไม่หลงระเริง กับความเป็นไทยและดูถูกประเทศเพื่อนบ้าน อีกด้วย
จริยา เจริญศิริ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์