โดย จรัส แสง
ราวหกโมงเช้า รถสองแถวสายแม่สอด-แม่ระมาดเที่ยวแรกพาผมและผู้โดยสารอื่นๆ ฝ่าหมอกเย็นจัดยามเช้าตรู่ของเดือนธันวาคมไปตามถนนที่ทอดขนานกับชายแดนตะวันตก เมื่อดวงอาทิตย์ค่อยๆสาดแสงและเพิ่มความอบอุ่น ขณะรถวิ่ง ผ่านชุมชนหลายแห่งที่ตั้งสลับกับไร่ขนาดใหญ่บนทางหลวงเส้นดังกล่าวอยู่นั้น ผมรู้สึกได้ในทันทีถึงบรรยากาศพิเศษของวันสำคัญ
ผมมาถึงตัวเมืองแม่ระมาดขณะที่ชาวบ้านนับร้อยคน ทยอยมารวมตัวกันบริเวณที่ว่าการอำเภอเพื่อเตรียมใส่บาตรและร่วมพิธีถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของในหลวงที่คนไทยทุกคนเคารพรัก สถานที่ราชการและบ้านเรือนหลายแห่งประดับธงชาติและธงตราสัญลักษณ์ครบรอบ 60 ปีที่ในหลวงทรงครองราชย์ ชาวบ้านที่มาร่วมงานล้วนสวมเสื้อสีเหลืองแสดงความจงรักภักดี แลดูเป็นบรรยากาศแห่งความพร้อมเพรียงและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่ปลายทางของผมในวันนี้อยู่เลยออกไปอีกทางอำเภอท่าสองยาง
"ซอ" กับมอเตอร์ไซค์คู่กายมารอผมอยู่แล้วตามนัดหมาย หลังจากที่เราออกเดินทางจากแม่ระมาดลัดเลาะไปตามถนน เลียบป่าเขาสองข้างทางได้ราวครึ่งชั่วโมงก็ปรากฏภาพของชุมชนขนาดใหญ่ที่บ้านเรือนสร้างด้วยไม้ไผ่และใบตองตึงรวมกันอยู่หนาแน่นบนพื้นที่เชิงเขาซึ่งขนานไปกับทางหลวงเป็นระยะทางยาวสุดสายตา ที่นี่คือค่ายผู้ลี้ภัยแม่หละ หรือที่คนท้องถิ่นเรียกขานด้วยภาษากะเหรี่ยงว่า "แบเกลาะ" ที่ซึ่งผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงที่หลบหนีภัยสงครามกลางเมืองในพม่าพักพิงอยู่รวมกันกว่าสี่หมื่นคน นับเป็นค่ายผู้ลี้ภัยที่มีจำนวนประชากรสูงที่สุดในบรรดาค่ายผู้ลี้ภัยชนเผ่าจากพม่าจำนวนเก้าแห่งตลอดแนวชายแดนไทย-พม่า ซึ่งตั้งอยู่ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนลงไปถึงจังหวัดราชบุรี โดยมีจำนวนผู้ลี้ภัยรวมกันกว่าหนึ่งแสนสี่หมื่นคน
เมื่อรถผ่านรั้วค่ายเข้ามา ผมก็เห็นขบวนเด็กนักเรียนเป็นแถวยาวเดินมุ่งหน้าไปทางเหนือของค่าย และเข้าใจในทันทีว่าเด็กๆ เหล่านี้มีเป้าหมายเดียวกันกับผม นั่นคือการเข้าร่วมงานวันพ่อแห่งชาติซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้ ผมกับซอเดินผ่านบ้านเรือนของผู้ลี้ภัยไปอีกสักพักจึงถึงบริเวณสนามฟุตบอล ซึ่งในตอนนั้นผู้คนนับพันคนรวมตัวกันอยู่หน้าเวทีขนาดใหญ่ ป้ายผ้ามากมายเขียนข้อความทั้งภาษาไทย อังกฤษและกะเหรี่ยงในความหมายเดียวกันเพื่อถวายพระพรในหลวง เบื้องหลังฝูงชน คือเทือกเขาสูงตระหง่าน แดดอ่อนๆสาดลอดหมอกจางๆลงมายังบริเวณงานพิธี เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกขรึมขลัง และความพร้อมใจของทุกคนที่มารวมตัวกันอยู่ตรงหน้าก็ช่วยสะท้อนความยิ่งใหญ่ของโอกาสพิเศษในวันนี้อย่างชัดเจนยิ่งนัก
เมื่อถึงกำหนดเวลาเริ่มพิธีการ ผู้ลี้ภัยทุกคนที่มารออยู่แล้วก็สงบนิ่งและร่วมกันร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมีอย่างพร้อมเพรียง แม้ผมจะรู้สึกได้ถึงสำเนียงที่แตกต่าง แต่ความตั้งใจของทุกคนที่จดจำและฝึกซ้อมการร้อง ตลอดจนความรู้สึกที่สื่อออกมานั้นอาจไม่แตกต่างกันมากนักกับการแสดงออกของคนไทยผู้เป็นเจ้าของภาษาซึ่งอาจเข้าใจความหมายของบทเพลงได้ลึกซึ้งกว่า จากนั้นประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน โดยพูดถึงความเป็นมาในการจัดงาน ความสำคัญของวันพ่อ และเป็นตัวแทนกล่าวถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และเช่นเดียวกับการจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาของในหลวงในพื้นที่อื่นๆของประเทศที่มีการจัดงานวันพ่อแห่งชาติควบคู่ไปด้วย กิจกรรมบนเวทีของงานที่ค่ายแม่หละแห่งนี้ก็มีการมอบรางวัลแด่พ่อดีเด่น ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยที่มีบทบาทโดดเด่นในฐานะพ่อและประกอบคุณงามความดีแก่ชุมชนชาวกะเหรี่ยงมาอย่างยาวนาน จากนั้นจึงมีการแสดงประกอบเพลงของเหล่านักเรียนจากหลายๆ โรงเรียนในค่ายซึ่งเป็นการผสมผสานการแสดงดั้งเดิมของชาวกะเหรี่ยงและการแสดงจินตลีลาสมัยใหม่ โดยมีความหมายเป็นการถวายพระพรแด่ในหลวงของคนไทยที่ชาวกะเหรี่ยงเองก็เคารพเทิดทูนและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
คนไทยโดยทั่วไปคุ้นเคยกับภาพการเสด็จพระราชดำเนินของในหลวงไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อเข้าถึงราษฎรของพระองค์ อีกทั้ง โครงการในพระราชดำริมากมายที่ทรงทุ่มเททั้งพระวรกายและพระราชทรัพย์เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนผู้ยากไร้ และพระจริยาวัตรอันงดงามโดยตลอดการครองราชย์นั้นทำให้คนไทยรักและภักดีพระองค์อย่างหาที่เปรียบมิได้ ในวันนี้ผมได้มาเห็นเหตุการณ์ที่เป็นประจักษ์พยานถึงพระเกียรติคุณขององค์พระเจ้าอยู่หัว ที่แผ่ไปถึงพสกนิกรทุกคนในทุกพื้นที่ของประเทศ ซึ่งรวมทั้งชาว กะเหรี่ยงผู้ลี้ภัยสงครามที่ได้มาพักพิงอย่างสงบอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้ด้วย
ภายหลังงานพิธีการเสร็จสิ้นลง ผู้มาร่วมงานหลายพันคน จึงทยอยกันกลับบ้าน และเนื่องจากเป็นวันหยุด เด็กๆ มากมายที่มาร่วมงานก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมต่างๆอย่างเบิกบาน ภาพชุมชนผู้ลี้ภัยแม่หละในวันนี้ดูคึกคักและแจ่มใสเป็นพิเศษ ผู้คน หลากวัยเดินผ่านไปมาต่างยิ้มทักทายและโอภาปราศรัยกัน เมื่อเริ่มสาย แดดยิ่งอุ่นขึ้น ซอผาผมเดินไปเยี่ยมเยียนญาติมิตรของเขา ขึ้นบ้านไหน เจ้าบ้านต่างก็ยินดีต้อนรับและจัดหาน้ำหรืออาหารว่าง เท่าที่จะพอมีมารับรองคนแปลกหน้าผู้มาเยือนอย่างผม จนผมเอง อดประทับใจกับไมตรีอันเหลือเฟือของชาวกะเหรี่ยงไม่ได้ แม้สภาพความเป็นอยู่ในชุมชนผู้ลี้ภัยของพวกเขาจะจำกัดจำเขี่ย
มึโพ หญิงวัยสี่สิบจากเมืองกอกะเร็กที่ลี้ภัยมาเมืองไทยกว่าสิบเอ็ดปีแล้วเล่าให้ผมฟังว่า เธอรู้สึกขอบคุณในหลวงของคนไทยที่ทรงให้ชาวกะเหรี่ยงจากพม่าได้มาพักพิงในเมืองไทย ในหลวงสำหรับเธอเปรียบเหมือนพ่อที่ใจดี รักลูกทุกคนโดยไม่รังเกียจ แม้เธอเองจะไม่ได้รับรู้เรื่องราวพระราชกรณีกิจของในหลวงมากนัก แต่เธอก็รับทราบว่าในหลวงทรงดูแลคุ้มครองประชาชนโดยไม่แบ่งแยก และนั่นทำให้เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากแสดงให้คนไทยรับรู้ว่าผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงก็รักพระเจ้าอยู่หัว
ผมได้พูดคุยกับมึโพจนเข้าใจได้ว่าประสบการณ์เลวร้ายของชีวิตที่ผ่านมาภายใต้เผด็จการทหารพม่าและสงครามกลางเมืองนั้นทำให้เธอรู้สึกดีใจแทนคนไทยมากเพียงใดที่มีผู้นำที่รักสันติภาพและห่วงใยความเป็นอยู่ของประชาชน ดังที่มึโพเล่าถึงว่าขณะที่เมืองไทยมีในหลวงทรงช่วยเหลือราษฎรในชนบทให้อยู่ดี กินดีนั้น ชาวบ้านกะเหรี่ยงในพม่ากลับถูกขูดรีดทั้งเงินทองและข้าวปลาอาหารจากทหารที่เข้ามาปกครอง ทหารพม่าทำให้ประชาชนอ่อนแอ และประชาชนก็กลัวทหารมากจนชีวิตไม่เคยได้อยู่สงบสุข ทุกวันนี้เธอดีใจที่ได้นอนหลับอย่างอุ่นใจในค่ายผู้ลี้ภัย แห่งนี้และไม่กล้ากลับไปพม่าอีกแล้ว เพราะเธอรู้ว่าทหารพม่าจะปฏิบัติกับเธออย่างร้ายกาจเพียงใด
แอ้ทู หนุ่มกะเหรี่ยงวัยยี่สิบแปดและนอดาวัยห้าสิบจากเมืองพะโคหรือที่คนไทยรู้จักในชื่อหงสาวดีก็ยืนยันความรู้สึกเดียวกันกับผู้ลี้ภัยหลายๆคนว่า รู้สึกอุ่นใจที่ได้พักพิงอยู่ในประเทศไทย และรู้สึกขอบคุณในหลวงและคนไทยทุกคน แอ้ทูซึ่งเป็นครูในโรงเรียนชั้นประถมแห่งหนึ่งในค่ายแม่หละเล่าว่า เด็กนักเรียนทุกคนรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของในหลวง ทางโรงเรียนจะจัดกิจกรรมพิเศษเป็นประจำทุกปี และเช่นเดียวกับผู้ลี้ภัยหลายๆคนที่แม้ไม่มีโอกาสรับรู้ประราชประวัติและพระราชกรณียกิจของในหลวงอย่างสม่ำเสมอเท่าคนไทยในเมือง แต่ผู้ลี้ภัยก็อยากมีส่วนร่วม ในวันสำคัญเช่นนี้ ดังที่แอ้ทูบอกกับผมว่า พวกเขาได้มาลี้ภัยอยู่ในเมืองไทยก็ย่อมจะเคารพในหลวงของคนไทย ผู้ลี้ภัยรู้ว่าคนไทยรักและเคารพในหลวง ซึ่งพวกเขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน และในวันเกิดในหลวง พวกเขาก็ขอถวายพระพรให้ในหลวงทรงพระเจริญ
"จอปา" คือคำภาษากะเหรี่ยงที่หมายถึงกษัตริย์ ชาวกะเหรี่ยง แต่เดิมนั้นอยู่อาศัยเป็นชุมชนในระดับหมู่บ้าน และไม่เคยมีการปกครองในระบบกษัตริย์มาก่อน เมื่อพวกเขาพูดถึงในหลวงของคนไทยพวกเขาจะใช้คำว่า "โยจอปา" ผมได้รู้จากแอ้ทูว่าผู้ลี้ภัยในค่ายรู้ว่า คนไทยให้ความสำคัญกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของในหลวงและพระราชินี โดยเปรียบเป็นดั่งพ่อและแม่ของคนไทยทั้งชาติ และในวันนี้พวกเขาก็ยินดีมากที่ได้มีส่วนร่วมในงาน "จอปาโอ้แพละมื่อหนี่" หรือวันเกิดของในหลวง เพราะพวกเขาจะได้แสดงออกร่วมกันว่าพวกเขาก็รักในหลวงเช่นเดียวกับประชาชนไทยทั้งประเทศ
ผมเดินทางกลับแม่สอดในบ่ายวันนั้น ขณะนั่งรถผมมองเห็นค่ายแม่หละจากระยะไกลอีกครั้ง เมื่อมองบ้านเรือนที่สร้างติดกันหนาแน่นบนพื้นที่กว้างใหญ่ซึ่งผู้ลี้ภัยกว่าสี่หมื่นคนพักพิงอยู่นั้น ในฐานะคนไทยคนหนึ่งผมอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ที่บ้านเมืองเราได้ให้ความช่วยเหลือผู้หนีร้อนมาพึ่งเย็นมากมายเช่นนั้น เหมือนที่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เราย่อมรู้สึกอุ่นใจเสมอว่าเมื่อใดที่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจไม่ว่าหนักหนาแค่ไหนก็ตาม เพื่อนและครอบครัวจะไม่มีวันทอดทิ้งเรา
นักท่องเที่ยวต่างชาติมักกล่าวยอมรับถึงการต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยไมตรีของคนไทย จนผู้ที่ได้มาเที่ยวเมืองไทยอยากหาโอกาสกลับมาอีกครั้งเสมอ แต่ดูเหมือนคนไทยจะไม่ได้รับรู้มากนักว่ามีชาวกะเหรี่ยงหลีกหนีอันตรายจากสงครามกลางเมืองในพม่ามาพักพิงในประเทศไทยกว่ายี่สิบปีแล้ว และยังคงมีผู้เดินทาง เข้ามาใหม่อย่างต่อเนื่องตามการละเมิดข่มเหงที่ทหารพม่ากระทำต่อชาวบ้านชนเผ่าต่างๆที่ยังเกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ค่ายผู้ลี้ภัยอาจเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขา ทว่ารั้วค่ายก็กีดกันพวกเขาจากความรับรู้ของเรา และบ่อยครั้งที่พวกเขาถูกมองอย่างไม่ไว้วางใจในฐานะแขกที่ไม่ได้รับเชิญ แต่ไมตรีจิต ของเราไม่ควรแบ่งแยกไม่ใช่หรือ ผมอดคิดไม่ได้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยในค่ายได้มากกว่าเพียงการช่วยเหลือพื้นฐานเช่นที่เป็นอยู่ หากเราจะมองพวกเขาด้วยสายตาที่หวาดระแวงให้น้อยลง และคำนึงถึงความเป็นมนุษย์ให้มากขึ้น
ในค่ำวันนั้น ชาวแม่สอดหลายพันคนไปรวมตัวกันที่สนามกีฬาของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเทศบาล ทุกคนพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองมาเพื่อร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร ซึ่งมีกำหนดเวลาพร้อมกันทั่วประเทศ แสงเทียนหลายพันดวงในคืนนั้นสว่างไสวงดงามในความมืด เสียงร้องทรงพระเจริญดังกึกก้อง ผมนึกย้อนถึงภาพงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาในค่ายแม่หละในตอนเช้า หากลืมความแตกต่างบางอย่างพวกเราก็เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแนบสนิท ด้วยความรักที่มีต่อพ่อหลวงองค์เดียวกันนั่นเอง