โดย จรัส แสง
ปี 2544 ท่ามกลางความหยุดนิ่งของวงการเพลงป๊อป พม่าที่ไม่พัฒนาไปจาก 30 ปีก่อนมากนักสามหนุ่มจากรัฐคะฉิ่น ในนาม พลัสทรี สร้างปรากฏการณ์ความนิยมด้วยการแหกสูตร ความสำเร็จของนักร้องชนเผ่ารุ่นพี่ ๆ ที่มักนำเพลงเก่ามาร้องใหม่ หรือดัดแปลงเนื้อเพลงจากเพลงฮิตในต่างประเทศ และใช้ภาษาพม่า ที่ช่วยขยายกลุ่มผู้ฟัง แต่พลัสทรีเรียบเรียงทำนองเพลงของพวกเขา ขึ้นใหม่ทั้งหมด และทุกเพลงล้วนเป็นภาษาคะฉิ่น
อัลบั้มแรกของพวกเขา “ซิน นา มยี ปรุย” ที่มีความ หมายว่า Tears From the Darkness ได้รับความนิยมท่วมท้นใน ไม่ช้า และเมื่อปลายปี 2546 ที่ผ่านมาพลัสทรีก้าวไปอีกขั้นด้วยการ วางแผงอัลบั้มเพลงชุดที่สองของพวกเขา “ลาคัม” หรือ Another Step ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนเพลงอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเช่นเดิมแน่นอน ว่าเส้นทางความสำเร็จของพวกเขาไม่ธรรมดาและไม่เรียบง่ายเลยทีเดียว
สามหนุ่มพลัสทรีประกอบด้วย เมียว เล็ท (อายุ 21) ซุท กุน (24) และ บา บา (28) ทั้งหมดเกิดในครอบครัวนายทหารคะฉิ่น ในเมืองลายซาซึ่งเป็นพื้นที่หยุดยิงอยู่ติดชายแดนประเทศจีน
ในยุคที่สามหนุ่มพลัสทรีเติบโตขึ้นนั้น วงการเพลงป๊อปพม่า ต้องต่อสู้กับการควบคุมของรัฐบาล ทหารซึ่งไม่ต้องการให้ประชาชน ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก มีการห้ามเล่นเพลงป๊อปและเพลงสากล ในรายการวิทยุ ห้ามนำเข้าเพลงและนิตยสารเกี่ยวกับดนตรี จากต่างประเทศ และตั้งกองเซ็นเซอร์ขึ้นมาตรวจสอบเนื้อหาเพลง ก่อนอนุญาตให้บันทึกเสียง การปิดกั้นการสื่อสารของคนในวงการ ดนตรีกับต่างประเทศ เช่นนี้ ทำให้แนวเพลงป๊อปของพม่าหยุดนิ่ง และไม่มีงานสร้างสรรค์ ที่หลากหลายนักงานเพลงที่ขายดี ส่วนใหญ่เป็นการลอกทำนองของเพลง ฮิตในอังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่น และไทยมาใส่เนื้อ ภาษาพม่า นอกจากนั้นก็เป็นการนำเพลงพม่าเก่าๆที่เคยโด่งดัง มาร้องใหม่ ส่วนที่มีการแต่งขึ้นใหม่ก็มักจำกัดอยู่แต่ในแนวเพลง โฟล์คที่ค่อนข้างเรียบง่าย
แม้จะมาจากครอบครัวนายทหาร แต่สามหนุ่มซึ่งเพื่อนที่ เติบโตมาด้วยกันก็ฝันจะทำงานเพลงมาตั้งแต่วัยเด็ก โดยเริ่มความ ประทับใจ ในดนตรีจากการเข้าโบสถ์คริสเตียนที่มักได้ร่วมกัน ร้องเพลงสรรญเสริญพระเจ้า ทว่าอิทธิพลทางดนตรีที่ทำให้เกิด แนวเพลงของพลัสทรีกลับมาจาก การได้ฟังเพลงสากลที่ซื้อจาก ชายแดนฝั่งประเทศจีน โดยเฉพาะดนตรีแนว rhythm&blues ซึ่งหาฟังได้ยากมากในพื้นที่อื่นๆของพม่า ในทศวรรษที่ผ่านมานี้เอง ที่รัฐบาลทหารพม่าเริ่ม อนุญาตให้ม ีการนำเข้าอุปกรณ์บันทึกเสียงจากต่างประเทศ การ ออกอัลบั้มเพลงจึงคึกคักมากขึ้นในแง่ของปริมาณ นอกจากมี บริษัทที่ทำธุรกิจเพลงให้นักร้องของตัวเองเกิดขึ้นหลายแห่งแล้ว
ยังมีนักร้องอิสระที่ผลิตผลงานด้วยทุนตัวเองอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ทว่า การจัดจำหน่ายที่ทำได้ไม่ทั่วถึงและไม่มีการเผยแพร่งาน เพลงในรายการวิทยุแล้วศิลปินอิสระเหล่านี้ก็มักจะขาดทุนและ สิ้นสุดความฝันในการมีอัลบั้มเพลงได้แค่ชุดเดียว แต่แม้แนวโน้ม ตลาดเพลงป๊อปจะไม่สดใส คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ก็ยังคงฝันจะ เข้ามาทดลอง สามหนุ่มพลัสทรีก็เช่นกัน
หลังจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนในมัณฑะเลย์แล้ว สาม หนุ่มเริ่มสานฝันด้วยการรับจ้างทำงานตัดไม้ในฤดูร้อน เก็บเงินไว้ เป็นต้นทุนค่าบันทึกเสียงโดยเริ่มแต่งเพลงสะสมไว้ในช่วงที่เริ่มเรียน ระดับมหาวิทยาลัยแบบทางไกลที่เมืองมิตจินา และเมื่อทุกอย่าง พร้อม เขาจึงนำเสนอเพลงให้กองเซ็นเซอร์ตรวจ ซึ่งผ่านมาได้ เพราะพวกเขาไม่เขียนเพลงที่มีเนื้อหาทางการเมืองที่ชัดเจนนัก จากนั้นจึงได้บันทึกเสียงในสตูดิโอที่ย่างกุ้งก่อนจะนำไปวางแผงในมิตจินา ที่ในระยะแรกพวกเขาเป็นคนทำเองเกือบทั้งหมด โดยได้แรงหนุน จากมิตรสหายที่ทำงานกับคริสตจักรช่วยเผยแพร่ตามโบสถ์คริสต์ ทั่วรัฐคะฉิ่นจนขายหมดเกลี้ยงในการผลิตครั้งแรกราว 6,000 ม้วน และผลิตซ้ำอีกหลายครั้งตามคำเรียกร้องของแฟนเพลงที่รู้จัก เพลงของพวกเขาจากการโจษขานปากต่อปาก นับเป็นยอดขายที่ ่สูงมากหากเทียบกับอัลบั้มเพลงภาษาพม่าที่มีตลาดระดับประเทศ แต่ขายได้มากที่สุดก็เพียง 1 - 50,000 ม้วน
ความโดดเด่นของพลัสทรี อยู่ที่การแต่งเพลงขึ้นมาใหม่ ทั้งหมด ดนตรีของพวกเขามีสีสันของดนตรีป๊อปแดนซ์ที่สนุกสนาน และแนวดนตรี rhythm&blue ที่ท่วงทำนองมีความเคลื่อนไหว ปนอารมณ์หม่นเศร้า ทั้งยังใส่เสียงอื่นๆเข้ามาประกอบเสียงดนตรี หลัก เช่น เสียงบีทอิเลคโทรนิคส์ การฮัมเสียงประสานและไวโอลิน ในบางเพลงอีกด้วย ในส่วนเนื้อเพลงก็มีเรื่องราวที่หลากหลาย ทั้งในเรื่องความรัก ความทุกข์ของชีวิต เพลงรณรงค์ให้คนรุ่นใหม่ สนใจสืบทอดวัฒนธรรมคะฉิ่นไปจนถึงเพลงขอบคุณพระเจ้า
ความแตกต่างจากอัลบั้มเพลงอื่นๆที่เคยมีมา ทำให้คน คะฉิ่นทุกเพศทุกวัยชื่นชอบเพลงของพวกเขา และลักษณะเด่นที่ ทำให้พลัสทรีเอาชนะใจคนคะฉิ่นได้อยู่หมัดก็คือ การเลือกใช้ภาษา คะฉิ่นถ่ายทอดบทเพลงทั้งหมดทุกครั้งที่พวกเขาขึ้นเวทีคอนเสิร์ต แฟนเพลงที่มาชมกันเนืองแน่นร่วมร้องเพลงทุกเพลงได้ และใน ทุกๆที่ทั่วรัฐคะฉิ่น แม้แต่ลูกเด็กเล็กแดงต่างก็ร้องเพลงของ พลัสทรีได้
ที่ผ่านมา ศิลปินเพลงที่เป็นชนเผ่าหลายคนเคยประสบ ความสำเร็จในการออกอัลบั้มเพลงภาษาพม่า ไม่ว่าจะเป็น ซาย ที แสงและ ซาย คำเหล็กชาวไทยใหญ่ และ ซุง ทิน พา จากรัฐ ฉิ่น จนถึงกับมีแฟนเพลงทั่วประเททั้งที่เป็นชาวพม่าแท้และเผ่าต่างๆ มาแล้ว ความโด่งดังของพวกเขาเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของชน กลุ่มน้อยที่พวกเขาสามารถแสดงความสามารถให้เป็นที่ยอมรับ อย่างกว้างขวางโดยไม่ต้องปิดบังอัตลักษณ์ของความเป็นชาวเผ่า สำหรับดนตรีขอคงไม่อาจโด่งดังและขายดีในระดับประเเพราะนอกจาก คนคะฉิ่นแล้ว น้อยคนนักจะเข้าใจภาษาเพลงของพวกเขา แต่พวก เขาก็ภูมิใจที่ได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้ฟังชาวคะฉิ่น ซึ่งย่อมนับ เป็นอีกก้าวหนึ่งของวงการเพลงป๊อปของประเทศพม่าด้วยเช่นกัน