สัมภาษณ์ : อองซาน ซูจี




+++มองการเมืองพม่า


ขณะนี้การเลือกตั้งได้ผ่ านไปแล้ว แต่ ดูเหมือนผลการเลือกตั้งจะไม่ ได้รับการยอมรับในสายตานานาชาติคุณคิดว่า การเมืองพม่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
สิ่ งที่ เราพยายามทำ คือ การทำให้พรรคเอ็นแอลดีดำรงอยู่ต่อไป แม้รัฐบาลจะบอกว่าเราไม่ได้จดทะเบียนพรรคก็ตาม เรากำลังต่อสู้ในศาล เพราะภายใต้กฎหมายใหม่ เราไม่ สามารถจดทะเบียนได้(เนื่องจากกฎหมายเลือกตั้งระบุว่าให้ขับสมาชิกพรรคที่ต้องโทษคดีการเมืองออกจากพรรค ซึ่งรวมถึงนางอองซาน ซูจีซึ่งถูกกักบริเวณในบ้านพักในช่วงเวลาดังกล่าว) เราเชื่อว่า ถ้าต้องการให้การเลือกตั้งมีความน่ าเชื่ อถือ เราจำเป็นต้องมีกระบวนการเลือกตั้งที่ เปิดกว้างในพม่ ารวมทั้งพรรคเอ็นแอลดี ชนกลุ่มน้อย องค์กรทางการเมืองและสังคมเข้ามามีส่วนร่วม ถ้าไม่มีการเปิดกว้างแล้ว การเลือกตั้งจะไม่มีความน่าเชื่อถือ ฉันไม่เชื่อว่าเอ็นแอลดีเป็นพรรคการเมืองผิดกฎหมาย แต่เราเพียงแค่ไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายเลือกตั้งปี 2553 เท่านั้น ซึ่งความหมายของมันต่างกัน สิ่งสำคัญคือเราได้รับการสนับสนุน โดยเฉพาะจากคนรุ่ นใหม่ และคนที่ มีความตื่ นตัวทางการเมือง ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเชื่อว่าเอ็นแอลดีจะเป็นกลุ่มทางการเมืองที่ประสบผลสำเร็จ

พรรคเอ็นแอลดีสามารถทำอะไรได้มากแค่ไหนภายใต้สถานะที่ไม่ได้จดทะเบียน
เราทำได้หลายอย่ าง ทั้งการพบกับพรรคการเมืองต่ างๆชนกลุ่มน้อย และองค์กรทางสังคม ตอนนี้เรากำลังเพิ่มกิจกรรมมากขึ้นทั้งการส่งคนไปช่วยเหลือเหยื่อภัยพิบัติ และเรายังมีโครงการด้านมนุษย-ธรรมอื่นๆ ที่กำลังจะดำเนินการด้วยเช่นกัน

หมายความว่าพรรคเอ็นแอลดียังคงทำงานในฐานะเป็นพรรคการเมืองหรือเปล่า
แน่ นอน แม้ว่ าเราจะไม่ ได้จดทะเบียน แต่ เรื่ องอยู่ ระหว่ างการดำเนินการของศาล ดังนั้นคุณยังไม่อาจพูดได้จริงๆ ว่าเราเป็นพรรคที่ไม่ได้จดทะเบียน

อีกนานแค่ไหนกว่าที่กระบวนการในศาลจะแล้วเสร็จ
เราไม่แน่ใจ มีคดีอื่นที่ต้องจัดการอีกหลายคดี เราพยายามเร่งเวลาเราทำงานสองอย่างพร้อมกัน พวกเขาก็ต้องพิจารณาเรื่องอื่นๆ ด้วยแต่เราก็จะอุทธรณ์ภายในกรอบเวลา

ตั้งแต่ปี 2531 เราเห็นประชาชนจำนวนนับแสนคนออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยบนท้องถนนกันหลายครั้ง แต่ทำไมถึงยังไม่ได้ประชาธิปไตยที่ปกครองโดยพลเรือนอย่างที่ประชาชนต้องการ
ฉันคิดว่า บางทีเรายังไม่พบทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ฉันไม่คิดว่า  ปัญหาทุกอย่างจะแก้ได้ด้วยการประท้วงบนท้องถนน ฉันว่าบางปัญหา  ก็อาจจะแก้ได้แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ทางหนึ่ง ฉันก็อยากจะคิดว่าเราอาจจะ  แก้ปัญหาได้ด้วยการเจรจา ในระยะยาวมันจะเป็นการดีกว่ าสำหรับ ประชาธิปไตย ถ้าเราสามารถหาหลักการของการเจรจามากกว่าการ สู้กัน

แต่การเดินขบวนบนท้องถนนหมายความว่า ประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงใช่ไหม
ใช่ค่ะ และฉันคิดว่าการที่พระสงฆ์ออกมาเดินขบวนในปี 2550และการปราบปรามอย่างรุนแรงทำให้คนหวาดกลัว อาจทำให้คนไม่กล้าออกมาประท้วงอีก แต่ก็ไม่แน่หรอก คนออกมาประท้วงตามท้องถนนเพราะว่าเขารู้สึกว่าทนสถานการณ์ต่างๆ ไม่ได้แล้ว

หลังจากได้รับการปล่ อยตัว คุณพูดถึงการจัดประชุมปางโหลงครั้งที่ 2 มันมีความหมายแตกต่างจากครั้งที่ 1 อย่างไร
การประชุมปางโหลงคือการเสริมสร้างความเป็นเอกภาพของรัฐ การประชุมปางโหลงครั้งแรก (วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1947) มีเป้าหมายเพื่อนำกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มมารวมกันเป็นประเทศเดียวเพื่อเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ แต่ ในช่ วงหลายปีนี้มีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย ประเทศพม่ายังไม่ได้ปกครองแบบสหภาพที่แท้จริงและยังไม่มีสันติภาพที่สมบูรณ์ ดังนั้น สิ่งที่ฉันต้องการคือ การเสริมสร้างและทำงานร่วมกันเพื่อนำไปสู่ความเป็นเอกภาพ เราจะเห็นได้ว่า สนธิสัญญาปางโหลงครั้งแรกยังไม่ได้แก้ปัญหาหลายเรื่อง ดังนั้นปัญหาจึงยังคงมีอยู่และเป้าหมายของการจัดประชุมปางโหลงครั้งที่สองคือการพยายามกำจัดปัญหาที่ ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ ปางโหลงครั้งแรก เราจึงจะเดินก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง

ที่ผ่านมา กลุ่มชาติพันธุ์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ต้องการเป็นสหพันธรัฐอยู่ร่วมกันกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆภายใต้ชื่อสหพันธรัฐ และอีกกลุ่มต้องการการแยกประเทศเป็นอิสระ คุณมองปัญหานี้อย่างไร
ฉันไม่ได้คิดเช่นนั้น ฉันคิดว่าเรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิด ฉันได้รับทราบจากกลุ่ มชาติพันธุ์มากมายที่ อยากอยู่ ร่ วมกันเป็นสหพันธรัฐที่จริงแล้ว กลุ่มชาติพันธุ์ที่ต้องการให้จัดการประชุมปางโหลงครั้งที่ 2 ได้บอกชัดว่าจะมีการหาทางที่ไม่ได้นำไปสู่การแยกตัวและจะไม่มีการแยกเป็นอิสระ พวกเขาพูดชัดว่าต้องการปกครองตนเอง หรือ “Autonomy”แต่ไม่ใช่การแยกตัวเป็นอิสระ

แต่สถานการณ์การสู้รบชายแดนไทย-พม่าที่ผ่านมา มักมีข่าวว่าทหารจากกองกำลังรัฐฉานต่อสู้เพื่อแยกตัวเป็นอิสระ คุณคิดอย่างไร
ฉันคิดว่าไม่น่าจะใช่นะ ฉันไม่คิดว่าพวกเขาสู้เพื่อแยกตัวเป็นอิสระ ที่ฉันเข้าใจคือ พวกเขาต่อสู้เพื่อสิทธิในการปกครองตนเองของรัฐฉาน ไม่ใช่สู้เพื่อแยกตัวเป็นอิสระ และแม้แต่ในการประชุมปางโหลงครั้งแรก เราก็ยอมรับในข้อเสนอปกครองตนเอ

คุณคิดว่าจะมีความเป็นไปได้ในการปกครองตนเองของกลุ่มชาติพันธุ์ไหม
ทำไมจะไม่ ได้ล่ ะ หลายประเทศก็มีการปกครองตนเองที่เข้มแข็งภายใต้ระบบสหพันธรัฐ ซึ่ งให้อำนาจการปกครองตนเองในหลายๆ พื้นที่ ดูตัวอย่างในสวิสเซอร์แลนด์ พวกเขาเป็นสหพันธรัฐแต่รวมตัวกันเหนียวแน่นมาก แต่ละภาคส่วนก็มีสิทธิปกครองตนเองตอนนี้มีความเข้าใจระบบสหพันธรัฐที่ หลากหลายในพม่ า เพราะว่ าเอ่ อ...คงต้องบอกว่ าเป็นความหวาดหวั่ นของนักการเมืองหรือนักวิชาการบางคน มีหลายคนเข้าใจว่าการเป็นสหพันธรัฐหมายความว่ามีสิทธิเลือกว่ารัฐนั้นๆ มีสิทธิที่จะแยกตัวออกมาและตั้งเป็นประเทศอธิปไตย ซึ่งไม่ใช่เลย อย่างที่พวกคุณก็ทราบกันดีอยู่แล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้นมันหมายความว่า ในรัฐธรรมนูญที่สร้างขึ้นมีการกำหนดให้แต่ละภาคส่วนของสหพันธรัฐมีหน้าที่และสิทธิของตัวเองแยกจากรัฐบาลกลางมีรัฐบาลท้องถิ่นเท่านั้นเอง คุณจะเรียกสหพันธรัฐ สมาพันธรัฐ หรืออะไรที่ต้องการ แต่ข้อเท็จจริงก็คือ สหพันธรัฐจะแยกหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญก็เหมือนสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้เรียกตัวเองว่าสหพันธรัฐ หรือ สมาพันธรัฐแต่เรียกว่า “สหรัฐอเมริกา” แต่สาระสำคัญคือ พวกเขาแบ่งแยกหน้าที่ระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิ่น

คุณคิดว่าการประชุมปางโหลงครั้งที่ 2 เป็นประเด็นที่อ่อนไหวต่อสถานการณ์การเมืองในพม่าไหม
แน่นอน แต่มันเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญ และต้องหารือกัน ไม่ใช่สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง หรือวิ่งหนีเพียงเพราะมันเป็นเรี่องยาก

มีหลายคนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณ เมื่อหยิบยกเรื่องการประชุมปางโหลงครั้งที่สองขึ้นมา
มันไม่มีอะไรที่จะต้องมาพูดถึงความปลอดภัยของฉันหรอกค่ะ

คุณกลัวไหม
ไม่ค่ะ ฉันแค่ไม่อยากพูดในสิ่งที่ผิดพลาด เพราะไม่อยากสร้างความตึงเครียดในหมู่ประชาชน มันไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพูดถึงความปลอดภัยของฉัน ฉันพยายามสร้างความเคลื่ อนไหวที่ เป็นเอกภาพ ไม่อยากพูดอะไรที่ทำลายความเป็นเอกภาพ ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง

หลายคนคิดว่าหลังจากที่คุณได้รับการปล่อยตัวครั้งนี้ คุณดูมีท่าทีประนีประนอมกับรัฐบาลมากกว่าเมื่อก่อน
ฉันไม่รู้ว่าทำไมคนถึงพูดเช่นนั้น เพราะฉันพูดเสมอว่าฉันพร้อมประนีประนอม เวลาที่มีคนบอกว่าฉันมักเผชิญหน้ากับรัฐบาล ฉันจะถามกลับว่า ช่วยยกตัวอย่างได้ไหมว่าฉันเผชิญหน้าอย่างไร ถ้าคุณไม่สามารถยกตัวอย่างที่น่าเชื่อถือได้ว่าฉันเคยเผชิญหน้ากับรัฐบาล คุณก็ไม่สามารถพูดได้ว่ าตอนนี้ฉันประนีประนอมมากขึ้น ช่ วยยกตัวอย่ างว่ าฉันเคยเผชิญหน้าอย่างไร วิธีไหน หรือภายใต้สภาพแวดล้อมอย่างไร เพราะฉันพูดเสมอมาว่าฉันพร้อมจะเจรจากับรัฐบาลทหาร

คุณคิดว่าการที่พม่าอยู่ใต้การปกครองของรัฐบาลทหารมาตลอด 50 ปี ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างไรบ้าง
ตอนนี้ชาวพม่าไม่คุ้นเคยกับการตัดสินใจด้วยตัวเอง แน่นอนว่าการที่อยู่ใต้การปกครองของเผด็จการมานาน พวกเขาจะไม่ชินกับการตัดสินใจด้วยตัวเอง และไม่มั่นใจในตัวเอง พวกเขาลืมไปแล้วว่า จริงๆแล้วพวกเขามีความสำคัญต่อประเทศนี้ หากไม่มีประชาชนก็ไม่มีประเทศดังนั้น เราจึงพยายามช่วยประชาชนให้กลับมามีความเชื่อมั่น และเข้าใจว่าพวกเขาควรเป็นคนต้องตัดสินใจว่าจะให้ประเทศเป็นอย่างไร ระบอบเผด็จการสามารถทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนได

คุณคิดอย่างไรต่อคนรุ่นใหม่ 
ฉันคิดว่าเด็กรุ่นใหม่พัฒนาขึ้นมาก เพราะการสื่อสารที่พัฒนาขึ้นคนรุ่นใหม่มีโอกาสติดต่อกับโลกภายนอก เพราะการพัฒนาด้านไอทีซึ่งช่ วยได้มาก เมื่ อพวกเขาได้รู้ว่ าประเทศอื่ นๆ เป็นอย่ างไร และได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ฉันคิดว่ามันช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นแก่พวกเขา และฉันคิดว่ามันช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคมด้ว

+++มองการเพื่อนบ้าน


จากเรื่องภายในพม่าขอข้ามมามองเรื่องเพื่อนบ้านอย่างไทยบ้าง ตอนนี้ปัญหาในพม่าส่งผลต่อไทย ทั้งในแง่แรงงานต่างด้าวและผู้อพยพเข้าประเทศ คุณคิดว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาในพม่าที่ไทยไม่ควรเข้าไปข้องเกี่ยวหรือไม่
ฉันคิดว่ าไทยคงไม่ คิดว่ านี่ เป็นปัญหาในประเทศพม่ าหรอกเพราะว่ามีผู้ลี้ภัยชาวพม่าเข้าไปอยู่ในไทยมากมาย และยังมีแรงงานพม่าในไทยอีก และฉันคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับไทยในการรับมือกับปัญหาผู้ลี้ภัยและคนต่างด้าว มันเป็นปัญหาของสองประเทศ เพราะทั้งผู้ลี้ภัยและคนงานต่างด้าวต่างก็มีชีวิตที่ลำบากกันทั้งนั้น แต่ขณะเดียวกันสังคมไทยก็ต้องได้รับผลกระทบจากการทะลักเข้าไปของทั้งผู้ลี้ภัยและคนงานต่ างด้าว ดังนั้นจึงเป็นเรื่ องที่ ทั้งสองประเทศต้องร่ วมมือกันแก้ปัญหา เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับทั้งสองประเทศ จะบอกว่าเป็นปัญหาภายในพม่าคงไม่ได้

แต่ประเทศเพื่อนบ้านและสมาชิกอาเซียนมักพูดเสมอว่าปัญหาการเมืองพม่าเป็นเรื่องภายในของพม่า
นี่ เป็นปัญหาส่ วนหนึ่ งของอาเซียน และควรจะเปลี่ ยนแปลงหากอาเซียนยอมรับว่ าการหารือ และการปฏิสัมพันธ์ระหว่ างชาติในกลุ่ มอาเซียนมีความแน่ นแฟ้นดี ดังนั้นก็ควรจะหันมาทบทวนว่ าอะไรที่เป็นเรื่องภายใน อะไรที่เป็นปัญหาที่กระเทือนทั้งภูมิภาค

หากคุณได้พบเลขาธิการอาเซียน คุณจะพูดอะไร
จริงๆ ฉันอยากจะทราบเสียก่ อนว่ า ท่ านจะพูดอะไรกับฉันคนมักจะถามฉันเสมอว่า ถ้าได้พบกับคนนั้นคนนี้ ฉันอยากจะพูดอะไรน่าแปลกเหมือนกันนะ...เพราะเวลาที่เราพบกับใคร มันเป็นเรื่องของทั้งสองฝ่าย มันไม่ใช่คำถามว่าฉันจะพูดอะไร แต่ต้องถามด้วยว่า แล้วคนที่จะมาพบอยากพูดอะไร ฉันมองในแง่ของการแลกเปลี่ยนมากกว่าการพูดในเรื่ องที่ ตัวเองอยากจะพูด การที่ ประเทศเพื่อนบ้านจะเข้ามามาส่วนร่วมในการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศพม่า ไม่ควรเลือกคุยเฉพาะกับรัฐบาล แต่ต้องคุยกับเรา(หมายถึงพรรคเอ็นแอลดี) ด้วย เพราะเราก็เป็นตัวแทนของประชาชนกลุ่ มใหญ่ มีคนมากมายที่ เชื่ อมั่ นและสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเราเหมือนกัน ดังนั้นฉันคิดว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ชาติในภูมิภาคควรจะเข้ามาพูดคุยกับเราด้วย เหมือนคุยกับรัฐบาล เพื่อที่จะได้เรียนรู้ปัญหาที่แท้จริงของประเทศ ไม่เพียงแต่รู้ปัญหาที่รัฐบาลยกขึ้นมา

หลังจากคุณได้รับการปล่อยตัวครั้งนี้ คุณได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนโยบายคว่ำบาตรของกลุ่มประเทศตะวันตกว่าควรยืดหยุ่นให้มากขึ้น หมายความว่าอย่างไร
ฉันพูดว่า เราควรจะทบทวนเรื่องนโยบายคว่ำบาตรว่าส่งผลต่อพม่าอย่างไร ฉันไม่คิดว่าการยกเลิกการคว่ำบาตรจะช่วยเศรษฐกิจของพม่ าให้ดีขึ้นได้ และสหรัฐก็เคยมีรายงานออกมาเหมือนกันว่ าการคว่ำบาตรนั้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของพม่าน้อยมาก

ดังนั้นนานาประเทศควรจะทำอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการเมืองของพม่า
ในตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากเรียกร้องกับนานาชาติ คือ การยืนยันว่ากระบวนการต่ างๆ ในทางการเมืองของพม่ าควรจะต้องให้ทุกฝ่ ายมีส่ วนร่ วม หากกระบวนการเลือกตั้งไม่ น่ าเชื่ อถือ อย่ างไรก็ตามแล้วกระบวนการทางการเมืองก็ควรจะต้องเน้นการมีส่วนร่วมให้ทุกเชื้อชาติกองกำลังชาติพันธุ์กลุ่มต่างๆ และกลุ่มการเมืองต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมืองด้วย

ขณะนี้ประเทศไทยมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในพม่า อาทิการสร้างเขื่อน หรือโครงการท่าเรือทวาย เป็นต้น คุณคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีหรือไม่ที่ไทยควรเข้ามาลงทุนในพม่าตอนนี้
ฉันอยากเห็นการลงทุนแบบมีความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย คนมักจะพูดว่า การลงทุนจากไทย จากจีน เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ ประเด็นสำคัญคือ รัฐบาลพม่ าต้องปกป้องประโยชน์ประชาชนของตัวเอง และทรัพยากรของชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนจะเกิดประโยชน์กับประชาชนในชาติจริงๆ และมีความน่าเชื่อถือในทุกขั้นตอนของการลงทุน ฉันคิดว่าเราควรจะริเริ่มความรับผิดชอบนั้นก่อน

คุณมองผลประโยชน์และผลกระทบที่ จะเกิดขึ้นกับประชาชนท้องถิ่นอย่างไร
เืรื่องนี้มีความเห็นที่ต่างกันไป และมีหลายคนที่บอกว่ามันไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือต่อสิ่งแวดล้อม และทำให้ชีวิตของประชาชนลำบากยิ่ งขึ้นในระยะยาว แต่ ก็มีคนได้รับประโยชน์จากการลงทุนที่อ้างว่าการพัฒนาจะดีต่อท้องถิ่น ดังนั้นจึงมีข้อถกเถียงที่แตกต่างกันอยู่แต่ตัวฉันเองก็ไม่มีโอกาสได้ลงไปสัมผัสสิ่งที่เกิดในพื้นที่

+++มองชีวิต 


จนถึงตอนนี้คุณต่ อสู้เพื่ อประชาธิปไตยมา 20 ปีแล้วคุณคิดว่าจะหยุดพักบ้างไหม
ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ต่อสู้คนเดียวนะ เราต่อสู้ร่วมกันมา และยังมีคนอายุ 80 ปีที่ยังคงต่อสู้อยู่ ฉันจะหยุดได้อย่างไร

คุณยังดูมีพลังราวกับคนหนุ่มสาว ต้องทำงานต่อไปได้อีกนานแน่ ๆ
เราทุกคนยังมีกำลังอีกมาก เรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่ทำให้เราเดินหน้าต่อ

หากมองย้อนกลับไปบนเส้นทางการต่อสู้ที่ผ่านมา 20 ปีคุณคิดว่าคุณได้และสูญเสียอะไรไปบ้าง
ฉันไม่เคยคิดเรื่องได้หรือเสีย ฉันคิดเพียงแค่ว่า นี่คือสิ่งที่ฉันเลือกจะทำ บางครั้งเราประสบความสำเร็จมากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่บางครั้งก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง แต่ฉันไม่คิดในแง่มุมที่ว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันได้รับหรือสิ่งที่ฉันสูญเสีย

ทุกวันนี้คุณถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า คุณรู้สึกว่ามีแรงกดดันมากไหม
ฉันคิดว่า คำว่า “สัญลักษณ์” คงไม่เหมาะกับฉัน เพราะฉันไม่คิดว่าตัวเองเป็นสัญลักษณ์ แต่คิดว่าฉันเป็นคนทำงานคนหนึ่ง ฉันอยากให้เรียกว่า “คนทำงานเพื่อประชาธิปไตย” มากกว่า เพราะคำว่าสัญลักษณ์มันเหมือนกับว่าฉันไม่ได้ทำอะไร แค่นั่งเฉยๆ อยู่ในตึก ฉันว่าฉันไม่ชอบอย่างนั้นหรอก

ถ้ามองประเทศพม่าจากจุดนี้ คุณอยากเห็นประเทศพม่าเป็นอย่างไรในอีก 10 ปีข้างหน้า
ฉันหวังว่ าจะเห็นประเทศพม่ าที่ ดีกว่ านี้ มีเสรีภาพมากกว่ ามีความมั่นคงกว่า และมีความก้าวหน้ามากกว่านี้ ตอนนี้ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างนั้นไหม แต่นั่นคือสิ่งที่ฉันพยายามจะทำให้สำเร็จ ฉันอยากเห็นความก้าวหน้า ฉันอยากเห็นประชาชนที่มีความมั่นใจและมีโอกาสมากกว่านี้

สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกกล้าหาญคืออะไร
ฉันไม่คิดว่าฉันกล้าหาญมากมายอะไร คนมักจะพูดถึงฉันเป็นคนกล้าหาญ แต่จริงๆ คือ ฉันค่อยๆ รับมือไปในแต่ละวัน ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพยายามทำในสิ่งที่จิตสำนึกของฉันบอกว่าควรจะทำ

ตอนนี้คุณมีความสุขกับเรื่องอะไรบ้าง
ความสุขของฉันคือ การได้พูดคุยกับลูกชาย ฉันมีเพื่ อนที่ ดีมีเพื่อนร่วมงานที่ดี มีเหตุผลมากมายที่คนเราจะมีความสุข ถ้าคุณรู้จักวิธีการมองโลกในสิ่งที่ดี แต่ถ้าจะมองโลกในแง่ร้ายก็ได้เหมือนกัน สิ่งที่ฉันเรียนรู้ก็คือ เราควรรู้จักมองโลกด้วยความเป็นจริง คุณต้องเข้าใจว่าคุณไม่มีทางเจอแต่เรื่องดีๆ หรือเรื่องร้ายๆ อย่างเดียว มันผสมกันไป คุณต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่กับมันอย่างไร จะใช้ประโยชน์จากมันอย่างไร ถ้าคุณมีประสบการณ์ที่ เลวร้ายก็จงนำมันมาเป็นบทเรียนให้ชีวิตดีขึ้น ให้แข็งแกร่งขึ้น ถ้าคุณมีประสบการณ์ดีๆ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะชื่นชม เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับชีวิตที่เป็นไป

คำถามต่อไปเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนทั่วโลกอยากรู้ คือ คุณทำอย่างไรถึงยังดูอ่อนเยาว์เหมือนอยู่เสมอ เคล็ดลับความงามและสุขภาพที่ดีของคุณคืออะไร
(หลังฟังคำถาม เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดี) ฉันคิดว่า ฉันใช้ชีวิตอย่างมีวินัย และฉันก็ทำสมาธิด้วย ฉันคิดว่าวินัยเป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ มีอาหารหลายอย่างที่ฉันชอบ แต่มันไม่ดีต่อสุขภาพนักฉันจึงเลือกทานแต่ อาหารที่ ดีต่ อสุขภาพมากกว่ าอาหารที่ ฉันชอบบางที...ฉันอาจจะชอบอาหารขยะเหมือนกันนะ(หัวเราะ) จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้กินอาหารพวกนั้นหรอก

ตอนที่ ถูกคุมตัวอยู่ ในบ้านพัก ใครเป็นคนทำอาหารให้ทาน
ฉันทำเองบ้าง บางทีเพื่อนของฉัน (หมายถึงคนดูแลที่รัฐบาลพม่าอนุญาตให้อยู่ในบ้านเธอระหว่างการกักบริเวณ) แต่ฉันมักจะทำอาหารง่ายๆ จนเบื่อมากที่ต้องกินอาหารเหมือนเดิมๆ ทุกวัน บางทีเพื่อนของฉันก็พยายามทำอาหารเมนูอื่นให้ทานบ้างเหมือนกัน

มาถึงคำถามสุดท้าย คุณอยากบอกอะไรกับคนไทยบ้าง
ฉันอยากบอกว่ า เราเป็นเพื่ อนบ้านกัน และเราก็อยากเป็นเพื่อนบ้านที่ดี อยากจะทำงานร่วมกันเพื่ออนาคต ในฐานะมิตรประเทศในฐานะคนที่เข้าใจกัน และอย่างที่ฉันบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ทุกวันนี้มีคนพม่ามากมายที่อยู่เมืองไทยในฐานะผู้ลี้ภัยหรือแรงงานต่างด้าว ฉันอยากเห็นว่า สักวันหนึ่ง พม่าจะสามารถให้ความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์ภูมิภาคที่ดีขึ้นได้ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้พึ่งพิงให้คนอื่นต้องช่วยเหลือ ซึ่งนั่นเป็นคำมั่นของเรา.