เยาวชนเอ็นแอลดีความหวังประชาธิปไตยในพม่า

โดย นานาตี

บรรยากาศในช่วงสายวันหนึ่งของเดือนธันวาคม ณ อาคาร ที่ทำการพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ  เอ็นแอลดี กรุงย่างกุ้ง คลาคล่ำไปด้วยบรรดาสมาชิกพรรคจำนวน มาก บริเวณหน้าประตูทางเข้า ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งยืนเรียงแถวเพื่อ เตรียมพร้อมรอต้อนรับนางอองซาน ซูจีที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า พวกเขาคือสมาชิกกลุ่มเยาวชนเอ็นแอลดีที่ได้รับมอบหมายให้เป็น ผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่นางอองซาน ซูจีหลังจากได้รับ อิสรภาพก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่สัปดาห์

เรามีโอกาสได้คุยกับตัวแทนของสมาชิกลุ่มเยาวชนเอ็นแอลดี ในช่วงบ่ายของวันดังกล่าว ซึ่งไม่เฉพาะในฐานะผู้รับผิดชอบภารกิจ ดูแลบุคคลสำคัญอย่ างหัวหน้าพรรคเท่ านั้น แต่่ สิ่ งที่ น่ าสนใจและ น่ าจับตามองมากไปกว่ านั้นคือ พวกเขายังเป็นความหวังในการ สานต่อเจตนารมณ์ประชาธิปไตยของพรรคฯ ในฐานะคนรุ่นใหม่ และ ความหวังของประเทศในฐานะกลุ่มเยาวชนประชาธิปไตยที่มีสมาชิก มากที่สุดในประเทศอีกด้วย

ในห้องประชุมชั้นสองของที่ทำการพรรคเอ็นแอลดี เบื้องหน้าของเราคือ เอเอเหญ่ง หญิงสาวตาคมที่ทำหน้าที่เป็นล่าม มาพร้อมกับโกเมียวญุ่นต์ และ โญอ่องโซ พวกเขาอาจดูต่างจากภาพของเยาวชนที่เราคิดไว้เนื่องจากสองในสามอยู่ในวัยกลางคน

เอเอเหญ่งบอกว่า สมาชิกเยาวชนเอ็นแอลดีจะมีอายุตั้งแต่7 ปีไปจนถึง 35 ปี ในจำนวนนั้นก็จะมีการแบ่งเกณฑ์อายุเป็น 3 ระดับพลังคนรุ่นใหม่โดย นานาตีตามช่ วงอายุ กลุ่ มแรก 7 – 12 ปี กลุ่ มที่ สอง อายุ 13 – 18 ปีส่วนกลุ่มที่สามอายุ 19 – 35 ปี สมาชิกคนไหนที่อายุเกิน 35 ปี ก็จะได้เลื่อนขึ้นไปเป็นหัวหน้าประจำภูมิภาคต่างๆ ดูแลรุ่นน้องต่อไป เช่นเดียวกับโกเมียวญุ่นต์ที่ขณะนี้ได้เลื่อนมาเป็นหัวหน้าระดับเขตแล้ว

ส่ วนคุณสมบัติของคนที่ จะเป็นสมาชิกของกลุ่ มเยาวชนเอ็นแอลดี พวกเขาบอกว่ า “คุณสมบัติอย่างแรกก็คือ หัวใจที่รักประชาธิปไตย และอย่างที่สองคือ พร้อมที่จะติดคุกได้ทุกเมื่อ” ถึงจะมีแค่สองข้อแต่ก็เสี่ยงเอาการ เนื่องจากกิจกรรมส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องประชาธิปไตยและการต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ อย่างการเดินขบวนประท้วงที่เกิดขึ้นหลายครั้งเยาวชนเอ็นแอลดีก็เป็นหนึ่งในแกนนำและร่วมประท้วง ด้วยเหตุนี้สมาชิกแทบทุกคนจึงเคยถูกจับกันมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ทำให้หลายคนต้องหนีไปยังชายแดนหรือออกนอกประเทศจากการปราบปรามของรัฐบาล เช่ นเดียวกับนักเคลื่อนไหวคนอื่นๆ ทั่วประเทศที่ต้องพบกับสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน

งานที่ เสี่ ยงชิ้นล่ าสุดในช่ วงก่ อนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาก็คือ พวกเขาได้ลงพื้นที่ ไปให้ความรู้แก่ประชาชนในเมืองต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกฎหมายต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรมต่อประชาชนซึ่งเขียนขึ้นโดยรัฐบาลทหารพม่า โดยรัฐบาลพม่าขู่ว่าจะกวาดล้างใครก็ตามที่พยายามขัดขวางการเลือกตั้ง แต่พวกเขาก็ได้รับการตอบรับจากชาวบ้านด้วยดี ทว่าในตอนนี้เราก็ทราบกันแล้วว่า รัฐบาลทหารพม่ายังคงเป็นผู้กุมอำนาจเหมือนเดิมหลังการเลือกตั้ง ซึ่ งสำหรับผู้ที่ ต้อสู้เพื่ อประชาธิปไตยนั้นถือว่ างานของพวกเขายังไม่สิ้นสุด

บนถนนสายนี้ อาจต้องใช้เวลาอีกยาวยาวนานกว่าประชาธิป-ไตยที่แท้จริงจะเกิดขึ้นในพม่า แต่สิ่งที่ท้าทายอย่างหนึ่งก็คือ ท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีและสิ่งบันเทิงอาจทำให้ความสนใจของเยาวชนซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นผู้สานต่อเจตนารมณ์อาจห่างไกลจากเรื่ องการเมืองออกไปเรื่ อยๆ แต่ ตัวแทนเยาวชนกล่าวว่า “มันเป็นวิถีชีวิตของคนรุ่ นใหม่ ในยุคนี้พวกเขาอาจจะตามแฟชั่น มีความสนใจในเรื่องที่ต่างออกไปจากเดิมแต่ ก็เป็นเพียงธรรมชาติของชีวิตวัยรุ่ น ซึ่ งพวกเขาไม่เคยทิ้งเรื่องการเมือง…ดูอย่างในปี พ.ศ. 2550 ก็มีเยาวชนจำนวนมากที่เข้าร่วมประท้วงกับพระสงฆ์ด้วย"

พวกเขายังคงเชื่อมั่นว่า ประชาธิปไตยจะยังคงอยู่ในสายเลือดของคนรุ่นใหม่ โดยล่าสุดเยาวชนเอ็นแอลดีได้ร่วมมือกับเยาวชนกลุ่มต่างๆ จากทุกสาขาอาชีพ ก่อตั้งเครือข่ายเยาวชนแห่งชาติ (NationalYouth Network) เพื่อเดินหน้าทำงานเพื่อประชาธิปไตยต่อไป โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากพรรคเอ็นแอลดีและนางอองซาน ซูจี

ทว่า สิ่งที่หลายคนกังวลอีกเช่นกันคือ หากวันหนึ่งนางอองซานซูจี ซึ่งเปรียบเสมือนผู้จุดประกาย “ความหวังแห่งประชาธิปไตย” ในพม่ าให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งต้องก้าวลงจากเส้นทางสายนี้ไม่ ว่ าด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะเกิดอะไรขึ้น ประกายความหวังแห่งประชาธิปไตยจะดับวูบลงหรือไม่ ซึ่งในฐานะตัวแทนเยาวชนเอ็นแอลดี พวกเขายังคงยืนยันที่จะเดินหน้าทำงานต่อไป และไม่ได้กังวลเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใดโดยยกตัวอย่าง นายพลอองซาน บิดาแห่งการกอบกู้อิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่งแม้ว่าท่านจะจากไปแล้ว แต่การต่อสู้ของประชาชนไม่ เคยหยุดพร้อมกับการจากไปของเขาและยังคงดำเนินเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

“ไม่ว่านางอองซาน ซูจีจะวางมือหรือไม่ รัฐบาลทหารจะเป็นอย่างไร เราก็จะพยายามทำงานต่อไปเพื่อประชาธิปไตยเพราะนี่คือ เป้าหมายของเรา…"

ในวันนี้ การเลือกตั้งได้ผ่ านพ้นไปแล้ว แม้เราจะยังไม่ เห็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นในพม่า แต่อย่างน้อยขณะนี้สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้จากตัวแทนเยาวชนอนาคตของประเทศนั่นก็คือ ความมุ่ งมั่ นและความหวังที่ ยังคงเต็มเปี่ ยมอยู่ ในสายตาเหล่านั้น.