พม่ากับการรณรงค์ในโลกไซเบอร์

โดย ภาคภูมิ วชิรธาราภาดร

ในโลกยุคไฮเทคเหมือนเช่นปัจจุบันนี้ การรณรงค์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีก ต่อไป เพราะไม่ว่าใครๆ ก็สามารถที่จะเป็นนักรณรงค์ได้ในเวลาอัน รวดเร็ว แม้แต่เครือข่ายสังคมออนไลน์สุดฮิตของหนุ่มสาวในยุคนี้อย่าง เฟสบุคก็มีโปรแกรมสำหรับใช้รณรงค์บนอินเทอร์เน็ตเอาไว้ให้โดยเฉพาะ ในชื่อ campaign maker จึงทำให้การเผยแพร่ข่าวสารและการติดต่อ สื่อสารไปยังคนอื่นๆ จากทั่วทุกมุมโลกเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น




นอกจากนี้ อินเทอร์เน็ตยังทำให้การ รณรงค์ต่างๆ ทรงพลังมากขึ้น โดยเฉพาะสื่อวิดีโอ โดยหากคลิปรณรงค์ชิ้นไหนเป็นที่ถูกใจก็มักจะ ถูกเผยแพร่ ผ่ านทางเครือข่ ายแบ่ งปันวีดีโอ อย่ างเช่ น เว็บไซต์ YouTube และถ้ากระแส การรณรงค์เรื่ องนั้นๆ มีอิทธิพลมากพอที่ จะ ในโลกยุคไฮเทคเหมือนเช่นปัจจุบันนี้ การรณรงค์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีก ต่อไป เพราะไม่ว่าใครๆ ก็สามารถที่จะเป็นนักรณรงค์ได้ในเวลาอัน รวดเร็ว แม้แต่เครือข่ายสังคมออนไลน์สุดฮิตของหนุ่มสาวในยุคนี้อย่าง เฟสบุคก็มีโปรแกรมสำหรับใช้รณรงค์บนอินเทอร์เน็ตเอาไว้ให้โดยเฉพาะ ในชื่อ campaign maker จึงทำให้การเผยแพร่ข่าวสารและการติดต่อ สื่อสารไปยังคนอื่นๆ จากทั่วทุกมุมโลกเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น เปลี่ ยนพฤติกรรมและทัศนคติต่ อกลุ่ มคนจำนวนมาก ปัญหา เหล่านั้นก็อาจนำไปสู่การแก้ไขไปในทางที่ดีขึ้น

เรื่องปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการเรียกร้อง ประชาธิปไตยในพม่าก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ทั่วโลกต่างร่วมมือ ช่วยกันแก้ไข แต่ในอีกด้านหนึ่ง คนส่วนใหญ่เองอาจยังไม่ทราบ ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในพม่า หรืออาจไม่เคยได้ยินชื่อประเทศพม่า เลยด้วยซ้ำ

ในปี 2008 องค์กร US campaign for Burma ได้ผลิต คลิปวิดีโอรณรงค์เรียกร้องประชาธิปไตยและต่อต้านการละเมิด สิทธิมนุษยชนในพม่ าขึ้น เพื่ อทำให้คนทั่ วไปรู้จักและมองว่ า ปัญหาที่เกิดขึ้นในพม่าไม่ใช่เรื่องไกลตัว ภายใต้แนวคิด Burma : It can’t wait. ซึ่งคลิปวิดีโอชุดนี้จะฉายวันละตอน เป็นเวลา หนึ่งเดือน โดยได้รวบรวมเอาทั้งนักร้อง ดาราแนวหน้า รวมไปถึง ผู้กำกับชื่อดังในวงการฮอลลีวูดกว่า 40 คน มาแสดงความคิดเห็น และถ่ายทอดเรื่องราวเสียดสีปัญหาในพม่าได้อย่างเจ็บแสบ

ในปี 2008 องค์กร US campaign for Burma ได้ผลิต คลิปวิดีโอรณรงค์เรียกร้องประชาธิปไตยและต่อต้านการละเมิด สิทธิมนุษยชนในพม่ าขึ้น เพื่ อทำให้คนทั่ วไปรู้จักและมองว่ า ปัญหาที่เกิดขึ้นในพม่าไม่ใช่เรื่องไกลตัว ภายใต้แนวคิด Burma : It can’t wait. ซึ่งคลิปวิดีโอชุดนี้จะฉายวันละตอน เป็นเวลา หนึ่งเดือน โดยได้รวบรวมเอาทั้งนักร้อง ดาราแนวหน้า รวมไปถึง ผู้กำกับชื่อดังในวงการฮอลลีวูดกว่า 40 คน มาแสดงความคิดเห็น และถ่ายทอดเรื่องราวเสียดสีปัญหาในพม่าได้อย่างเจ็บแสบ

อย่ างเช่ นในตอนที่ มีดาราสาวอย่ าง อีวา ลองโกเรีย มาร่ วมแสดงด้วยนั้น ได้เล่ าถึงดาราสาวได้รับหนังสือพิมพ์ที่ เกี่ยวกับประเทศพม่าชื่อว่า “Burma Daily News” แต่ทว่า หนังสือพิมพ์ดังกล่าวกลับมีแต่หน้ากระดาษขาวโพลน ไม่ปรากฏ ข้อมูลข่าวสารใดๆ ซึ่งต้องการสื่อให้เห็นว่า ไม่มีข่าวสารใดๆ จากพม่า และคนทั่วโลกจะไม่มีทางได้รับรู้เรื่องจริงที่กำลังเกิดขึ้น ในพม่าจากปากของรัฐบาลทหาร ในขณะเดียวกัน ในคลิปวิดีโอนี้ อีวา ลองโกเรียได้บอกกับคนทั่วโลกว่า คนในพม่าเองก็ถูกรัฐบาล ปิดหูปิดตา ขัดขวางไม่ ให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยเช่ นกัน ใครก็ตามที่ สนับสนุนนักเคลื่ อนไหวเพื่ อประชาธิปไตยก็อาจถูกจับเข้าคุกได้



วิดีโอรณรงค์อีกหนึ่งชิ้นที่น่าสนใจในชุดเดียวกันก็คือ เหตุการณ์ ที่ นักแสดงชายชื่ อดังคนหนึ่ งไม่ ยอมออกจากห้องพักในกองถ่ ายทำ ภาพยนตร์ หลังจากเจ้าหน้าที่เคาะประตูเรียกอยู่หลายครั้ง ซึ่งถูกไล่กลับ ไปหลายรอบ เดือดร้อนถึงผู้กำกับ (รับบท โดยเจนนิเฟอร์ แอนนิสตัน นางเอกชื่อดัง) ที่ไม่เข้าใจว่าดาราใหญ่ ไม่พอใจเรื่องอะไรถึงไม่ยอมออก มาแสดง เธอจึงต้องมาตามด้วยตัวเอง ซึ่งดาราชายบอกว่า “ฉันจะไม่ ออกไป จนกว่าพม่าจะมีอิสระภาพ” เพื่อให้การถ่ายทำดำเนินต่อไปได้ ผู้กำกับสาวจึงสั่ งให้เจ้าหน้าที่ ไปจัดการ มอบอิสรภาพ ให้พม่ าซะ ไม่ว่าจะต้องใช้เงินไหร่ เป็นนัยว่าพวกเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพม่าเลย โดย ตอนท้ายเจ้าหน้าที่พูดกับตัวเองว่า “พม่า นี่มันอยู่ที่ไหนเนี่ย”



แต่ ที่ ฮือฮามากที่ สุดคือคลิปวิดีโอ Tila Tequila - Hot for Teacher ซึ่งขณะนี้มีคนคลิกเข้าไปดูมากถึงสิบล้านกว่าคนแล้ว โดยใน คลิปวิดีโอดังกล่ าวพูดถึงครูสาวแสนสวยสุดเซ็กซี่ ต้องการให้นักเรียน สนใจประเทศพม่าเมื่อนักเรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง ครูจะถอดเสื้อผ้า ทีละชิ้น คำถามสุดท้ายที่เธอถามนักเรียนของเธอก็คือ “พวกเธอคิดว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้ทำอะไรเพื่อช่วย ประเทศพม่ าบ้าง” นักเรียนชายคนหนึ่ งจึงตอบอย่ างเฉยชาและ เหนื่อยหน่ายว่า “พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย” ครูสาวสวยกลับหอมแก้ม เป็นรางวัลที่นักเรียนชายของเขาตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง



นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ในอีกรูปแบบหนึ่งคือ การลงไปทำ กิจกรรมในพื้นที่โดยให้ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วม และได้ถ่ายทอด ออกมาเป็นคลิปวิดีโอ อย่างโครงการ 2100 in 2010—Burma Political Prisoners Art and Photo Installation ของกลุ่มฮิวแมนไรท์วอช เพื่อ ให้ความรู้และตระหนักถึงปัญหานักโทษการเมืองในพม่า ณ ลาน สถานี ชุมทางรถไฟ Grand Central Station ในกรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ อเมริกา

ภายในงานมีภาพถ่ ายนักโทษการเมืองและพระสงฆ์จำนวน  2,100 คนที่กำลังถูกคุมขังอยู่ในพม่าขณะนี้ถูกตั้งไว้ในกล่อง ซึ่งใช้แทนคุก  วางซ้อนกันเป็นคอนโด ปกติในงานนิทรรศการโชว์ทั่วไปจะมีคำเตือน  ห้ามแตะต้องผลงาน แต่ ในงานนี้กลับเชิญชวนให้ผู้คนที่ ผ่ านไปมา ช่วยกันสัมผัสผลงาน โดยการหยิบซี่กรงขังสีดำที่ทำจากปากกาออก แล้ว  นำปากกาไปลงชื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองในพม่า ยิ่งผู้ที่มา  ร่วมงานหยิบซี่กรง (ปากกา) ออกไปมากเท่าไหร่ นักโทษก็จะถูกปลดปล่อย  เป็นอิสระมากขึ้นเท่ านั้น ซึ่ งการรณรงค์ในลักษณะนี้ถือเป็นทั้งการ แสดงศิลปะที่ให้ความสะเทือนใจแก่ผู้ที่พบเห็น และถือเป็นการรณรงค์ที่  แยบยลและดึงดูดใจได้มากทีเดียว โดยงานนี้สามารถล่ารายชื่อผู้คน จาก 86 ประเทศที่ต้องการให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองพม่า มากไปกว่า  นั้น รายชื่อของผู้ที่มาร่วมงานจะยังถูกส่งไปให้นายพลอาวุโสตานฉ่วย  ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า เลขาธิการยูเอ็น รวมไปถึงผู้นำประเทศที่มีความ ใกล้ชิดกับรัฐบาลทหารพม่า

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายังมีคำถามจากหลายคนอยู่ว่าการรณรงค์ ต่างๆ จะสามารถทำให้ปัญหาในพม่าคลี่คลายลงได้จริงหรือ อย่างเช่น ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ปัญหานักโทษการเมือง และปัญหา การเมืองภายในพม่าเอง แต่เมื่อย้อนกลับมาคิดดูแล้ว แค่เพียงทำให้ คนที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับพม่ามาก่อนได้รับรู้และเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นใน พม่ ามากขึ้น นั่ นก็ถือว่ าได้เป็นการช่ วยเหลือพม่ าอีกทางหนึ่ งโดยใช้ เครื่องมือเทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งก็ไม่แน่ว่า ใน อนาคตเรื่ องเหล่ านี้อาจกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ คนสนใจทั่ วโลกจน นำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้สำเร็จ และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ไปสู่ประชาธิปไตยที่ผู้นำเผด็จการต้องลงจากอำนาจ เหมือนที่กำลัง เกิดขึ้นแล้วในประเทศแถบอาหรับในขณะนี้.