โดย หมอกเต่หว่า
หากพูดถึงรายการวิทยุในบ้านเราแล้ว ส่วนใหญ่เราจะนึกถึงภาพวัยรุ่นโทรเข้า ไปขอเพลงให้กับคนพิเศษ แต่ สำหรับ แรงงานข้ามชาติชาวไทใหญ่แล้ว สถานีวิทยุ ที่ออกอากาศในภาษาไทใหญ่นั้นคือเพื่อน คลายเหงายามที่ต้องไกลบ้าน และเปรียบ เหมือนสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างแรงงาน ข้ามชาติที่อยู่ในไทยและคนที่บ้านให้รับรู้ ข่าวคราวของกันและกันอยู่เสมอ เพราะ สถานีวิทยุที่กระจายเสียงในระบบ AM นั้น สามารถส่ งสัญญาณไปไกลถึงรัฐฉานกัน เลยทีเดียว และจากสถานีวิทยุคลื่นเล็กๆ คลื่ นแห่ งนึ่ งได้พลิกผันชีวิตของเด็กหนุ่ ม จากเมืองจ๊อกเม รัฐฉาน จากการพลัดพราก สู่ การได้กลับมาเจอกับพี่ ชายของเขา อีกครั้ง
อ่อนไตเล่าย้อนถึงอดีตเมื่อ 8 ปีที่แล้วว่า เขาและพี่ชายคนโตก็ เป็นเด็กหนุ่มที่มีความฝันเหมือนวัยรุ่นทั่วๆ ไปในพม่า ที่เมื่อจบชั้นสิบ (เทียบเท่ ากับชั้นมัธยมปลาย) เขาอยากมีโอกาสไปใช้ชีวิตในรั้ว มหาวิทยาลัยและอยากเรียนในสาขาวิชาดนตรีที่ตัวเองรัก นั่นจึงทำให้พ่อ ของเขายอมทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลังและเดินทางเข้าไทยเพื่อหาเงินส่ง ให้ลูกชายทั้งสองได้เรียนสูงๆ แต่ด้วยฐานะครอบครัวและโอกาสที่มีไม่เมื่ อฐานะการเงินทางบ้านยังไม่ มีทีท่ าจะดีขึ้น และราคาใบชาที่ ครอบครัวปลูกไว้ไม่สู้ดี อ่อนไตจึงยอมจำนนทิ้งความฝันไว้เบื้องหลัง เพื่อความอยู่รอด และเมื่อจบชั้นสิบได้ไม่นาน เขาและแม่ก็ตัดสินใจตาม พ่อมาอยู่เมืองไทย โดยที่ตัวเขาเองยังหวังอยู่ลึกๆ ่ในใจว่าจะสามารถ เก็บเงินและกลับไปเรียนต่อที่บ้านเกิด
แต่เมื่อเดินทางมาถึงไทย เขาและครอบครัวกลับพบกับความ ทุกข์ที่ไม่คาดฝันมาก่อน นั่นคือเขาไม่สามารถติดต่อหรือตามหาพี่ชาย ของเขาได้ ไม่มีใครรู้ว่าพี่ชายของเขาอยู่ที่ไหนและมีชีวิตเป็นอย่างไร แต่ อ่อนไตยังพอโชคดีอยู่บ้างที่ได้ยังได้มาเจอกับญาติที่อยู่เมืองไทยก่อน แล้ว ผ่านไปหลายเดือน ก็ยังคงไร้วี่แววของพี่ชาย หลายคนจึงแนะนำให้ เขาฟังสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย(สวท.) คลื่น AM.1476 ที่ออกอากาศจากตัวเมืองเชียงใหม่ เพราะเผื่อว่า พี่ชายของเขาเองจะใช้ คลื่นนี้เป็นช่องทางตามครอบครัว เพราะในเวลานั้น คลื่นวิทยุคลื่นนี้ เป็นที่นิยมของแรงงานชาวไทใหญ่ในการโทรศัพท์เข้าไปหน้าไมค์เพื่อ ส่งข่าวและประกาศตามหาญาติ อ่อนไตทำตามคำแนะนำ โดยการฟัง รายการนี้ทุกวัน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าพี่ชายของเขา
“ผมท้อและล้มเลิกที่ จะฟังรายการวิทยุมันเหมือนเรื่ อง เป็นไปไม่ได้และมืดแปดด้าน เราไม่มีทั้งเงินที่จะออกตามหาพี่ พูดภาษาไทยก็ไม่ได้ ความหวังจะเจอพี่ชายยังคงริบหรี่ ประเทศไทย ออกจะกว้างปานนั้น” อ่อนไตกล่าว แต่วันหนึ่งสิ่งที่เขาคิดว่าไม่มีทาง เป็นไปได้ก็เกิดขึ้นราวกับปาฏิหาริย์ เมื่อพี่ชายของเขาได้โทรเข้ามาใน รายการเพื่อประกาศตามหาครอบครัวเช่นกัน
“ผมได้ข่าวว่าพ่อแม่และน้องชายของผมเดินทางมาไทย แล้ว แต่ ไม่ รู้ว่ าพวกเขาอยู่ ที่ ไหน ผมยังตามหาพวกเขาไม่ พบ ถ้าหากพวกเขาได้ฟังรายการนี้ ได้โปรดโทรกลับผมด้วยที่เบอร์นี้ ....” พี่ชายของเขาบอกผ่านในรายการ
น้าคนหนึ่งของอ่อนไตที่กำลังทำสวนได้ฟังรายการนี้พอดีและ จึงรีบใช้กิ่งไม้เขียนเบอร์โทรของเขาไว้บนพื้นดิน แต่โชคชะตากลับเล่น ตลกกับครอบครัวนี้อีกครั้ง เพราะเบอร์โทรศัพท์บนพืื้นดินนั้นถูกลมพัด หายไปในชั่วพริบตา จึงทำให้ทั้งสองพี่น้องยังไม่ได้เจอกัน ผ่านไปหลาย อาทิตย์ จนท้ายสุด ความฝันและความสุขของอ่อนไตได้กลายเป็นจริง เมื่ อพี่ ชายได้โทรเข้ารายการอีกครั้ง นำมาซึ่ งการได้อยู่ พร้อมหน้า พร้อมตากันของครอบครัวนี้อีกครั้ง แม้เรื่องราวเหล่านั้นจะผ่านมาเป็น เวลาหลายปีแล้ว แต่ราวกับว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“หากไม่มีรายการวิทยุวันนั้น ผมก็อาจจะยังไม่ได้เจอกับพี่ ชายจนถึงทุกวันนี้ก็ได้ ซึ่ งผมต้องขอบคุณรายการนี้มาก” และแม้ทุกวันนี้ อ่อนไตจะยังไม่สามารถคว้าใบปริญญาได้สำเร็จ แต่ ระยะเวลาที่ผ่านมาจากการที่ได้เรียนรู้ ทำให้เขาสามารถอ่านเขียนพูด ภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้อย่างแตกฉาน เช่นเดียวกับความสามารถ ในการร้องเพลงและเล่นกีต้าร์ จนเขาสามารถตั้งวงดนตรีของตัวเองขึ้น มาได้ และกำลังอยู่ ในขั้นตอนทำอัลบั้มเตรียมวางขายในชุมชนชาว ไทใหญ่ในอนาคต นอกจากนี้ ยังผันตัวเองมาเป็นครูสอนหนังสือให้กับ เด็กๆ ในแค้มป์ก่อสร้างในจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย
“ความฝันของผมก็ยังเหมือนเดิม คืออยากเรียนดนตรี อยาก นำความรู้ที่เกี่ยวกับดนตรีไปต่อยอด ผมมีความฝันจนถึงขั้นเปิด โรงเรียนสอนดนตรีในรัฐฉาน และสิ่งที่ผมอยากจะทำอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ นำบทเพลงไปสู้กับรัฐบาลพม่า และทำให้บทเพลงมีอิทธิพลใน การเมืองให้ได้เพราะมีคนทำน้อย และที่สำคัญไปกว่านั้น ผมอยากให้ บทเพลงของผมมีโอกาสได้เผยแพร่ในรายการสถานีวิทยุ ที่เป็นสื่อ กลางที่ทำให้ผมพบกับครอบครัว” เขากล่าวพร้อมทั้งรอยยิ้ม
เรื่ องราวของอ่ อนไตอาจเป็นตัวอย่ างหนึ่ งที่ แสดงถึงความ สำเร็จและเป็นประโยชน์ของรายการวิทยุในภาคภาษาไทใหญ่ ในขณะ เดียวกัน ไม่เพียงแต่กระแสตอบรับที่ดีมากในหมู่แรงงานและไทใหญ่ ในไทยเท่านั้น ชาวบ้านในฝั่งรัฐฉานเองก็ให้การตอบรับกับรายการวิทยุ เหล่ านี้เป็นอย่ างดี บางรายถึงขั้นโทรข้ามประเทศเข้ามาในรายการ ขณะที่บางรายฝากจดหมาย ฝากข่าวมาจากรัฐฉานเลยก็มี และว่ากันว่า นักจัดรายการวิทยุที่พูดเก่งและเสียงหวานจะขึ้นแท่นเป็นขวัญใจและมี ก๊วนแฟนคลับกันเลยทีเดียว เผลอๆ อาจดังกว่าดารานักร้องไทใหญ่ บางคนเสียด้วยซ้ำ
ัจจุบัน ในจังหวัดเชียงใหม่แห่งเดียวมีสถานีวิทยุภาษาไทใหญ่ ประมาณ 10 แห่ง นอกจากสถานีวิทยุเหล่านี้จะคอยเปิดเพลงบันเทิงใจ ให้กับแรงงานแล้ว ยังสอดแทรกความรู้เกี่ ยวกับกฎหมายของไทย วัฒนธรรม สุขภาพ ธรรมมะ และข่าวสารความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อ แรงงาน เพื่ อสร้างความเข้าใจ อันดีแก่แรงงาน ข้ามชาติเหล่านี้ ที่มาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งก็เป็น ประโยชน์ที่ เป็นผลพลอยได้ที่ ประเทศไทยจะได้รับต่อไป.