![]() |
ภาพ จาก enigmaimages.wordpress.com |
ในเหตุการณ์ประท้วงของนักศึกษาเมื่อปี 1988 (2531) นอกจากจะจบลงด้วยการ สูญเสียและการนองเลือดครั้งใหญ่ นักศึกษาถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ยังทำให้เด็กหญิงวัย 5 เดือนคนหนึ่งต้องพลัดพรากจากพ่อนับตั้งแต่ยังเรียกชื่อพ่อไม่ได้ด้วยซ้ำ เพียงเพราะพ่อ ของเธอเป็นแกนนำออกมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนจากทหาร วันเวลาผ่านไป 22 ปี จากเด็กน้อยกลายเป็นเด็กสาว และในวันนี้เธอกำลังเดินตามรอย เท้าพ่อ และกำลังเรียกร้องขออิสรภาพคืนให้กับพ่อของเธอ เธอคือ เวนิน ปวิ้นโตน
เวนิน ในชื่อสั้นๆ สาวน้อยหน้าคม นัยน์ตาแขกวัย 22 คนนี้ เป็นบุตรสาว คนโตของนายเมียะเอ แกนนำคนสำคัญอีกคนหนึ่งของนักศึกษาปี 1988 (2531) พ่อของเธอถูกจับในช่วงเหตุการณ์ 1988 และถูกสั่งจำคุกทันที 8 ปี ในคุกอินเส่ง การพรากอิสรภาพพ่อของเธอจึงเป็นจุดเริ่มต้นของประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ที่อยู่ในใจของเด็กสาวอย่างเวนิน
“ฉันได้รู้จักพ่อจากรูปถ่ายที่แม่เล่าให้ฟัง แม่บอกว่าพ่ออยู่ที่ไหนสักแห่ง ใกล้กับบ้านของเรา ฉันได้แต่ถามตัวเองว่า ถ้าพ่ออยู่ใกล้เรา ทำไมพ่อถึงมาหาเรา ไม่ได้ จนวันที่ฉันอายุได้ 4 ขวบ ฉันจึงได้เจอพ่อเป็นครั้งแรก แต่บรรยากาศ ครั้งแรกที่เราได้เจอกันก็ดูไม่ดีเท่าไหร่นัก ฉันทำไม่ได้แม้แต่จะเข้าไปกอดพ่อ แต่พอโตขึ้นถึงได้รู้ว่า พ่อเป็นนักเคลื่อนไหวที่เสียสละเพื่อชาติและประชาชน พ่อเป็นคนที่กล้าหาญมากจริงๆ ที่ทำอย่างนั้น” เวนินบอกเล่าเรื่องราวผ่านคลิป วิดีโอขององค์กร Burma Campaign UK
ปี 2539 ความสุขได้เริ่มกลับคืนสู่ครอบครัวเล็กๆ นี้อีกครั้ง เมื่อพ่อของเวนิน ได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในคุกนาน 8 ปี นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นจากพ่อ ซึ่งเธอเล่าว่า วินาทีนั้นเป็นช่วงเวลาที่เธอมี ความสุขที่สุดในชีวิต อย่างไรก็ตาม แม้พ่อจะได้รับการปล่อยตัวออกมา แต่ฝันร้ายของเด็กสาวก็ไม่เคยสิ้นสุดลง เพราะยังกลัวว่าวันหนึ่งพ่อของเธอจะจากไปอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ในฐานะลูกสาวนักโทษการเมือง เวนินจึงถูกจับตามองมากกว่าเด็ก วัยรุ่นทั่วไปในช่วงที่เธอยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย
“ช่วงที่เรียน เพื่อนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากเป็นเพื่อนกับฉัน เพราะพวกเขารู้ว่าพ่อของฉันเคยติดคุกและเป็นนักโทษการเมือง พวกเขาจึงไม่อยากมี ปัญหากับรัฐบาล เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันก็คือเพื่อนๆ ของพ่ออย่างแกนนำ นักศึกษาปี 1988”
หลังจากเรียนจบมัธยมปลายในปี 2548 เวนินต้องเผชิญกับนโยบาย “แปลกๆ” ของรัฐบาลเผด็จการ ด้วยเธอมีความตั้งใจจะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เฉกเช่นกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่รัฐบาลไม่อนุญาตให้เธอเข้าเรียนสาขาวิชาที่เธอ อยากเรียน เนื่องจากเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับการเมือง รวมทั้งเธอไม่ได้รับอนุญาต แม้แต่จะฉลองความสำเร็จจากการเรียนจบมัธยมปลายในร้านอาหารเพราะเธอ เป็นลูกนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เหตุการณ์เหล่านี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเริ่ม รู้ถึงความโหดร้ายใจดำของผู้ใหญ่อย่างรัฐบาลเป็นครั้งแรก
เมื่อโอกาส ความฝัน และอนาคตที่ดีไม่สามารถเป็นจริงได้ในพม่า เวนิน ตัดสินใจทิ้งพม่าและครอบครัวไว้เบื้องหลัง มุ่งหน้าสู่อังกฤษเพื่อเรียนต่อในปี ต่อมา ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากครอบครัว แม้การอยู่ในต่างประเทศจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กสาววัยอย่างเธอในตอนแรก แต่การเดินทางครั้งนี้ก็ทำให้ เธอได้เรียนรู้โลกใหม่อย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเมื่ออยู่ในพม่า นั่นหมายถึง สิทธิมนุษยชน เสรีภาพ และประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่จับต้องได้จริงเมื่ออยู่ที่อังกฤษ
แต่ฝันร้ายที่เธอกลัวมาตลอดก็เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2550 เมื่อพ่อของเธอ ถูกจับอีกครั้ง หลังจากที่ออกมาเดินประท้วงการขึ้นราคาก๊าซและน้ำมันของ รัฐบาลพร้อมกับแกนนำนักศึกษาปี 1988 คนอื่นๆ แต่การถูกจับกุมครั้งนี้ได้ทำให้ หัวใจของเธอและครอบครัวต้องแตกสลาย เมื่อรัฐบาลสั่งจำคุกพ่อของเธอเป็น เวลา 65 ปี นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เวนินเดินทางเข้าสู่เส้นทางสายการเมือง อย่างเต็มตัว ในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ขององค์กรรณรงค์เรื่องพม่าแห่งสหราชอาณาจักร (Burma Campaign UK) และในฐานะลูก ที่ทำหน้าที่เรียกร้องให้รัฐบาลคืนอิสรภาพให้กับพ่อ ของเธอ ที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำเมืองตองยี ในรัฐฉานขณะนี้
ที่ผ่านมา มีกิจกรรมรณรงค์การเมืองหลายอย่างที่เวนินเข้าร่วม แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนรู้จักสาวน้อยคนนี้มากขึ้นก็คือ การที่เธอขึ้นไป พูดในงานการประชุมใหญ่ของพรรคแรงงานของอังกฤษเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา คำพูดทรงพลัง ท่าทาง น้ำเสียงฉะฉานของเธอได้สะกด ผู้ใหญ่ในงานแน่นิ่ง ผู้ใหญ่บางคนถึงขั้นหลั่งน้ำตากับคำพูดของเธอ และ หากถามว่า คลิปวิดีโอไหนที่กำลังฮอตที่สุดในหมู่ชาวพม่าออนไลน์ ตอนนี้ก็คงจะเป็นคลิปวิดีโอของเวนิน และตอนนี้ เธอได้กลายเป็น แรงบันดาลใจใหม่ในหมู่วัยรุ่นชาวพม่า หรือแม้แต่วัยรุ่นชนกลุ่มน้อยในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในพม่า หลายคนยัง เรียกเธอว่า “ซูจีน้อย”
“ที่ผ่านมาเราได้เห็นแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงหลาย ฉบับจากเลขาธิการสหประชาชาติ มีแต่คำพูดแต่ไม่เคยมีการปฏิบัติ ที่จริงจัง และหลายครั้งที่สหประชาชาติบอกว่า รอดูก่อน เผื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในพม่า ทำไมพวกเขาต้องรอให้นักโทษการเมือง ต้องตายในคุกก่อนอย่างนั้นหรือ ทำไมพวกเขาต้องรอให้ผู้หญิงถูกข่มขืนและรอให้หมู่บ้านในพม่าต้องถูกกองทัพพม่าเผาต่อไป และลูกหลานในพม่าต้องเติบโตขึ้นมาด้วยความกลัวและอยู่ในภาวะ ยากไร้และไม่มีอนาคตต่อไปอย่างนั้นหรือ หากคุณอยู่ที่นั่นเพื่อ แอฟริกา โปรดจงอยู่ข้างๆ ที่นี่กับเรา พม่า และช่วยให้เราชนะและได้รับอิสรภาพด้วย” นี่คือคำพูดบางส่วนในคลิปวิดีโอของเวนิน ที่กำลัง ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในขณะนี้
และเมื่อวันเสาร์ที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา เวนิน ได้กระโดดบันจี้จั๊มพ์ ที่โอทูอารีน่า ในกรุงลอนดอน เพื่อรณรงค์ให้ทุกคนหันมาสนใจ สถานการณ์ของนักโทษการเมืองในพม่า รวมถึงการหาทุนให้กับนักโทษการเมือง สำหรับเวนินแล้ว การทำทุกวิถีทางเพื่อให้พ่อได้รับอิสรภาพ อีกครั้งนั้น ทุกวินาทีล้วนมีค่าสำหรับเธอ เพราะขณะนี้พ่อของเธอกำลังเผชิญกับปัญหาสุขภาพรุมเร้าอย่างหนัก และถูกปฏิเสธการรักษาจาก ทางการพม่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอกังวลมากที่สุดในตอนนี้ เวนินเคยบอก ผ่านคลิปวิดีโอเอาไว้ว่า แม้เธอจะได้รับอิสรภาพทางด้านร่างกาย แต่ สำหรับทางด้านจิตใจแล้ว เธอยังถูกคุมขังด้วยการที่ต้องเห็นพ่ออยู่ใน คุก แต่เธอก็บอกกับตัวเองว่า เธอจะยอมแพ้ไม่ได้
“ฉันมีความหวังน้อยมากที่จะได้เห็นพ่ออีกครั้ง แต่ฉันคิดว่า พ่อเป็นคนที่กล้าหาญมาก แม้พ่อจะต้องทนทุกข์ทรมาน แต่ฉันเชื่อว่า พ่อจะไม่ยอมแพ้ อองซาน ซูจีและลุงติ่นอู*ได้ทำหน้าที่ต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์แล้วในช่วงชีวิตของพวกเขา และตอนนี้ หน้าที่นั้นได้เดินมาถึงคนรุ่นเรา แม้เราอาจจะไม่ได้เห็นเสรีภาพ เกิดขึ้นในช่วง 10 – 20 ปีนี้ก็ตาม แต่เราก็ได้เรียนรู้ว่า เราต้องทนทุกข์ แค่ไหนภายใต้รัฐบาลทหาร ดังนั้น เราจึงต้องสู้เพื่อประชาธิปไตย และเสรีภาพเพื่อคนรุ่นหลัง สู้เพื่อคนรุ่นลูกๆ ของเรา”
แม้พม่าจะอยู่ภายใต้อำนาจมืดมากว่า 48 ปี แต่สิ่งหนึ่งที่เรา ได้เห็นก็คือ การต่อสู้ของประชาชนเพื่อหลุดพ้นจากอำนาจมืดจะยังคงดำเนินต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น
เวนินก็เหมือนลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น เป็นเมล็ดพันธุ์ใหม่ที่ ขณะนี้กำลังเติบโตและพร้อมจะออกดอกออกผล แผ่ขยายกิ่งก้าน สาขาในอนาคต เช่นเดียวกับที่พร้อมจะเผชิญกับอุปสรรคและต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยเหมือนพ่อของเธอ.
ข้อมูลอ้างอิงจาก
องค์กร Burma Campaign UK / คลิปวิดีโอจากกระทรวงกิจการต่างประเทศและเครือจักรภพของอังกฤษ หรือ FCO (Foreign and Commonwealth Office) / สำนักข่าวอิรวดี (www.irrawaddy.org) / สำนักข่าวมิซซิมา(www.mizzima.com)
หมายเหตุ * นายติ่นอู เป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน และยังดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคเอ็นแอลดี (National League for Democracy) เคยติดคุกข้อหาเคลื่อนไหวทางการเมืองนานถึง 7 ปี และเคยถูกกับริเวณให้อยู่แต่ในบ้านพักเช่นเดียวกับนางอองซาน ซูจี นายตินอูได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ของปีนี้