“โรดทอ” ชีวิตหนึ่งที่เมืองไทยหลายชีวิตในพม่า

โดย องค์ บรรจุน

ผมเจอโรดทอที่สนามบินมิงกาลาดง (Mingaladon) ประเทศพม่าเมื่อเดือนก่อน เขาและเพื่อนที่ผมรู้จักก่อนหน้านี้นุ่งโสร่งแดงลายตารางของมอญพร้อมคนขับรถตู้ รอรับเราตามที่นัดกันไว้เมื่อก่อนออกจากเมืองไทยการไปพม่าของผมครั้งนี้เพื่อท่องเที่ยว เรียนรู้แลกเปลี่ยนเรื่องราวสู่กันฟัง และอีกหลายอย่าง ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะกล่าวถึงในตอนนี้


ผมเพิ่งรู้จักโรดทอเป็นครั้งแรกที่นี่ เนื่องจากเพื่อนของผมทำธุรกิจอยู่ในย่างกุ้ง ไม่ได้สัมผัสพูดคุยและไม่ค่อยได้ไปเมืองไทย ไม่รู้ภาษาไทยแม้แต่น้อย ยกเว้นภาษามอญ พม่า และอังกฤษที่ไม่เป็นรองใคร ขณะที่คณะของผมเป็นมอญเมืองไทย บางคนพูดมอญได้น้อย บางคนพูดมอญแทบไม่ได้ เพื่อนจึงเกรงว่าอาจจะดูแลคณะของผมได้ไม่ดีพอ ทั้งที่เพื่อนไม่ได้ทำอาชีพนี้ เพียงแต่รู้จักกันก็ช่วยเหลือจัดการให้ เขาเองเจอเข้ากับโรดทอโดยบังเอิญที่วัดมอญสร้างใหม่ในเมืองย่างกุ้ง ขณะที่โรดทอเพิ่งกลับจากเมืองไทยได้เพียงไม่กี่วันเพื่อเข้ามาทำพาสปอร์ต ระหว่างรอผลการอนุมัติพาสปอร์ต นอกจากช่ วยก่ อสร้างวัดตามแต่ หลวงพ่ อเจ้าอาวาสจะมีเงินซื้ออิฐหินปูนทรายในแต่ ละวัน เมื่ อมีเวลาว่ างเพื่อนจึงชวนมาด้วยกันกับเร

โรดทอเป็นคนมอญบ้านเกาะซ่ าก อำเภอกย้าจก์แหมะโร่ ะฮ์(Kyaikmayaw) เมืองมะละแหม่ง เขาทำงานอยู่แถวดาวคะนองหลายปีทุกวันนี้ยังคงเช่าบ้านหลังเดิมอยู่ลำพัง มีเพียงเพื่อน 2-3 ครอบครัวข้างห้องที่เป็นมอญเหมือนกัน เขาพูดไทยคล่องแคล่ว เป็นรองก็แต่ภาษามอญและพม่าเท่านั้น ครั้งนี้เขากลับมาทำพาสปอร์ตตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่ ต้องการพิสูจน์สัญชาติและขึ้นทะเบียนแรงงานต่ างด้าวอย่างถูกกฏหมายทั้งระบบ โรดทอเห็นดีด้วยหากจะทำให้เขาไม่ต้องหลบซ่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกต่อไป แต่เขาไม่มีเงินมากพอจะทำผ่านบริษัทนายหน้า จึงเดินทางกลับมาด้วยตัวเอง ค่ารถ ค่ากิน และของฝากคนทางบ้านไม่เกินหกพันบาท แถมได้เจอหน้าพ่อแม่ลูกเมียด้วย

เขากลับมาจากเมืองไทยก่อนผมมาถึงย่างกุ้งสัปดาห์เดียว อยู่กับลูกเมียที่ บ้านได้แค่ 2 วัน ก็รีบเดินทางเข้าย่ างกุ้งเพื่ อจัดการเรื่ องพาสปอร์ต เพราะไม่ รู้ว่ าจะต้องยื่ นเรื่ องและรออนุมัตินานแค่ ไหนระหว่ างรอ เขาเลือกพักค้างแรมที่ วัดนี้ เป็นวัดที่ เพิ่ งเริ่ มก่ อสร้างได้ไม่นาน ด้วยเงินที่รวบรวมจากคนบ้านเดียวกับเขา และเป็นเงินที่ส่งมาจากแรงงานมอญที่ทำงานอยู่เมืองไทยล้วนๆ ส่วนเจ้าอาวาสเป็นคนมอญบ้านเกาะซ่ ากเช่ นเดียวกัน เพิ่ งถูกนิมนต์กลับจากเมืองไทยเพื่ อรับตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

“รู้อยู่แล้วว่าการเข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาสในวัดสร้างใหม่อย่างนี้จะต้องเหนื่อยอีกมาก แต่ก็ถือเสียว่าทำเพื่อชนชาติของเรา คนมอญจะได้มีที่พึ่งเวลาเข้ามาทำธุระที่ย่างกุ้ง ไม่งั้นก็ไม่รู้จะไปอาศัยพึ่งพาใคร มันเป็นบ้านเมืองของคนอื่น ทั้งที่มันเคยเป็นของเรามาก่อน...”

การเดินทางเข้าเมืองย่างกุ้งของคนพม่าในชนบทคงเหมือนคนไทยประเภทบ้านนอกเข้ากรุงสมัยก่อน ทุกวันนี้คนในพม่าที่อยู่นอกเขตเมืองย่างกุ้งและปริมณฑลไม่สามารถเดินทางไปกลับภายในวันเดียวด้วยสภาพถนนที่ไม่อำนวย รถประจำทางมีน้อยและไม่สม่ำเสมอ หลายคนมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าเมืองย่ างกุ้งด้วยเหตุผลต่ างๆ กันนักเรียนนักศึกษาเข้ามาเรียนหนังสือ กรณีนี้อยู่กันระยะยาวต้องเป็นเด็กวัด บางคนเข้ามาเยี่ยมญาติ บางคนมาไหว้พระเจดีย์ชเวดากองและพระธาตุองค์สำคัญๆ คนกลุ่มนี้ทุกคนมีความเชื่อว่า เกิดมาชาติหนึ่งขอได้มาไหว้พระธาตุสักครั้งในชีวิตเอาบุญ ส่วนใหญ่รวมตัวมาเป็นกลุ่มช่วยกันออกเงินเหมารถมาเอง ตระเวนไหว้พระหลายแห่งไม่ได้ไปกลับวันเดียว แต่ละครั้งใช้เวลาหลายวัน อาศัยพักที่วัดเพราะไม่มีเงินค่าเช่าโรงแรม ส่วนกรณีคนที่มาหาหมอรักษาตัว อย่างคนแก่ที่เจ็บป่วย ต้องมีลูกหลานที่รู้จักเส้นทางและติดต่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้คล่องมาเป็นเพื่อน กลางวันไปหาหมอ กลางคืนกลับมานอนวัด ยิ่งในรายที่ป่วยหนักไม่รู้ว่าจะต้องอยู่รักษาตัวกี่วัน คนป่วยอาจนอนโรงพยาบาล ลูกหลานที่เหลือก็กลับมานอนวัด เฝ้ากันจนกว่าจะหายหรือทุเลาพอกลับบ้านได้อาศัยวัดอาบน้ำ พักผ่อน ส่วนอาหารการกินก็หาซื้อกินเอง หรือเตรียมข้าวสารอาหารแห้งจากบ้านตามอัตภาพ บางวัดอาจมีอาหารที่เหลือจากพระฉันให้บ้าง

การพักค้างแรมที่ วัดอย่ างนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นประเพณีที่ทางวัดก็เตรียมรับญาติโยมเสมอ วัดบางแห่งในย่างกุ้งที่เห็น มีคนต่างเมืองมาค้างแรมอยู่ นับร้อย คนเก่ าที่ อยู่ หลายวันแล้วทยอยกลับไปคนใหม่ เข้ามาแทนที่ จำนวนคนที่ พักเพิ่ มลดไม่ มากและแทบไม่เปลี่ ยนแปลง คนมอญอย่ างโรดทอเลือกเข้าพักที่ วัดมอญด้วยความคุ้นเคยทั้งภาษา ความเชื่อ และอาหารการกิน เช่นเดียวกับคนเชื้อชาติอื่นในพม่าที่เห็น เช่น กะเหรี่ยง (ปกาเกอะญอ) ไทยใหญ่ และอาระกัน(ยะไข่) ที่เลือกเข้าวัดของคนเชื้อชาติเดียวกัน

ด้วยความที่วัดมอญถูกกลืนกลายเป็นวัดพม่าไปหมด เมื่อสัก40-50 ปีก่อน คนมอญจึงรวมตัวกันบริจาคเงินซื้อที่ดินสร้างวัด บางกลุ่มมีเงินมากซื้อที่ดินได้แปลงใหญ่ สร้างเสนาสนะสงฆ์หลายหลัง โบสถ์เจดีย์วิหารครบ บางกลุ่มมีเงินน้อยซื้อได้เพียงแค่ปลูกทาวเฮ้าส์ได้หลังหนึ่ง ปลูกขยายขึ้นไปในแนวดิ่งเป็นตึกหลายชั้น สำหรับจำวัด ปฏิบัติกิจทางสงฆ์ และให้ญาติโยมถือศีลฟังธรรม โดยแยกกันคนละชั้น เช่นเดียวกับวัดใหม่ซึ่งกำลังสร้างอยู่นี้ ญาติโยมเป็นคนมอญจากบ้านเกาะซ่ากร่วมใจกันออกเงินสร้างวัดด้วยวัตถุประสงค์ข้างต้น และก็เป็นที่รับรู้กันทั่วในหมู่คนมอญว่า วัดนี้ “พวกเกาะซ่าก” เป็นคนสร้าง แต่ใช่ว่าจะไม่ต้อนรับเจ้าภาพรายอื่น ผู้มาขอพักแรมจากบ้านอื่นเมืองอื่น หรือเชื้อชาติอื่นแต่อย่างใด

เพื่อนของผมไล่ชื่อวัดมอญในย่างกุ้งให้ฟัง พบว่ามีมากกว่าสี่สิบแห่ง แต่เขาเองจำชื่อและรายละเอียดได้ไม่หมด หลายวัดเป็นแค่ตึกแถวหรือทาวเฮ้าส์อย่างที่บอก รูปแบบอาคารแทบไม่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมอย่ างวัดทั่ วไป มีเพียงลวดลายบนหลังคาและบานประตูหน้าต่ างนอกจากจะสังเกตสบงจีวรของพระเณรที่ตากเอาไว้บริเวณอาคาร วัดที่พระเณรในย่างกุ้งจำพรรษาจำนวนมากจึงมองดูคล้ายอพาร์ตเมนต์

วัดแห่ งนี้ยังไม่ มีชื่ ออย่ างเป็นทางการ ทุกคนเรียก วัดใหม่ไปพลาง ภาพวัดที่เห็นเป็นอาคารคอนกรีต 4 ชั้น อยู่ระหว่างการก่อสร้างี่เสร็จแล้วก็มีแต่รั้ว 4 ด้าน ก่ออิฐบล็อกเสร็จแต่ยังไม่ได้ฉาบ ที่พอใช้งานได้แล้วคือห้องน้ำและประตูรั้ว มีผนังบางด้านของชั้นที่ 1 ถึงชั้นที่ 3ก่ออิฐเสร็จแล้ว ส่วนชั้นที่ 4 คาไว้แค่เสา คาดว่าจะยังไม่สร้างต่อในช่วงนี้อาศัยพื้นชั้น 4 เป็นหลังคาให้ชั้น 3 ได้เท่านั้น ประตูหน้าต่างยังไม่มีกองอิฐกองทราย ไม้แบบก่อสร้าง อ่างผสมปูนยังวางระเกะระกะ ไฟฟ้าประปามีแล้วแต่ยังไม่ได้เดินสายไฟและท่อประปาถาวร เพียงแต่ลากสายไฟสายยางใช้กันชั่ วคราว ชั้นล่ างเป็นห้องพักที่ ต่ อด้วยไม้แบบก่อสร้างกรุสังกะสี เป็นของคนงานก่อสร้าง ซึ่งล้วนเป็นคนมอญที่เคยทำงานเมืองไทย จึงอยู่ ปนเปไปกับคนมอญจากต่ างเมืองที่ มาพักระหว่างรักษาตัว หุงหาข้าวปลากินกันตามมีตามเกิด

ทั้งวัดมีพระรูปเดียวคือเจ้าอาวาส พักอยู่ที่ชั้น 3 ผมเห็นที่จำวัดของท่านยังไม่ได้กั้นห้องเป็นสัดส่วน ปูเสื่อไปบนพื้นปูนที่ยังไม่ได้ฉาบเรียบหรือปูกระเบื้อง ตอนที่ผมไปถึงเจ้าอาวาสไปทำธุระข้างนอก เพื่อนจึงพาผมเดินขึ้นไปเดินเล่นบนชั้น 4 เมื่อก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้าย ลมทะเลโชยมาปะทะตัวเย็นสบายเหมือนนั่งอยู่ชายหาด แต่บรรยากาศโดยรวมมองเห็นเพียงเงาสลัว แม้จะได้แสงสว่ างจากบ้านคนและตึกหลังอื่ นรอบข้างบ้างก็ตาม ด้วยการใช้ไฟฟ้าในเมืองย่างกุ้งค่อนข้างจำกัด ไฟข้างทาง ไฟส่องอาคาร หรือป้ายโฆษณาไม่ได้มีมากเท่าเมืองใหญ่ของไทย เป็นข้อดีที่ทำให้มองเห็นดาวบนฟ้าชัดเจน บนนั้นมีวัยรุ่นปูเสื่อนอนดูดาวอยู่คนหนึ่ง คุยกันจนได้ความว่าเพิ่งไปทำงานเมืองไทยได้ไม่นานและกลับมาทำพาสปอร์ตเช่นกันเพื่อจะได้ไม่ต้องหลบซ่อนตำรวจอีก

ผมเดินดูรอบๆ ชั้นบนของวัด ส่วนใหญ่เป็นบ้านคนสลับตึกแถวเตี้ยๆ วัดนี้สูงกว่าอาคารรอบข้างพอสมควร เมื่อมองจากมุมสูงจึงเห็นวัดมอญหลายแห่งอยู่ชิดใกล้กันมาก โดยเฉพาะวัดสิงคุตระที่เพี่อนของผมทำหน้าที่มัคนายกและผมเคยเข้าไปแล้ว อยู่เยื้องกับวัดใหม่นี้และมีรั้วติดกันส่ วนหนึ่ งด้วย ตรงด้านหน้าทางเข้าวัดใหม่ มีวัดอีกแห่ งคือวัดโพธิสักคะ เป็นคนบ้านเกาะปิ่นที่ช่วยกันบริจาคเงินสร้าง เช่นเดียวกับวัดสังคุตตระ ส่วนวัดกะมาชิมเป็นคนจากบ้านซำฮะแล และวัดโหน่นทอเป็นคนจากบ้านปะงะที่รวมตัวกันหาเงินสร้างไว้ นอกจากนี้มีวัดใหม่ๆที่มีการติดต่อซื้อที่ดินได้แล้ว บางแห่งเริ่มตอกเสาเข็ม และอีกราว 2-3วัดที่อยู่ห่างออกไป ญาติโยมเป็นคนจากบ้านปะงะ 1 วัด และบ้านเกาะปิ่นอีก 1 วัด ทั้งหมดนี้เป็นคนมอญจากเมืองมะละแหม่ง นอกจากนี้เป็นวัดที่อยู่ห่างออกไปมองไม่เห็น สร้างมานานแล้วบ้าง และกำลังสร้า

พักใหญ่มีคนขึ้นมาตาม บอกว่าเจ้าอาวาสกลับมาแล้ว เราลงบันไดไปที่ ชั้น 3 กราบท่ านเจ้าอาวาสและพูดคุยกันอยู่ หลายคำเจ้าอาวาสยังหนุ่มมาก คาดว่าอายุไม่น่าจะเกิน 35 ปี ท่านไปอยู่เมืองไทยหลายปี จำพรรษาอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร ท่านเล่าว่า เมื่อปีก่อนชาวบ้านขอให้กลับมาเป็นเจ้าอาวาส ท่านเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนรวมจึงตัดสินใจกลับมาอยู่ได้ไม่นาน คนในคณะของเราถวายเงินร่วมทำบุญสร้างวัดไปก้อนหนึ่ง

อีก 2 วันต่อมา ผมมีโอกาสไปเยี่ยมบ้านโรดทอที่เกาะซ่าก บ้านไม้สักสองชั้นใต้ถุนโปร่งหลังใหญ่เทียมหน้าเทียมตาเพื่อนบ้าน รวมทั้งบ้านอีกหลายหลังในละแวกนั้นล้วนเป็นหยาดเหงื่ อแรงงานของคนอย่างโรดทอ แม้ประสบการณ์ชีวิตในเมืองไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ยอมให้คนดูถูกถากถางผลักให้เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่ออยู่ให้ได้ แม้แต่ต้องจ่ายประจำให้เจ้าหน้าที่แลกกับความเมตตาปล่ อยให้เขาทำงาน ซึ่ งถ้าไม่ ต้องปันส่ วนที่ ควรจะเก็บหอมรอมริบเงิน ซึ่งแทนที่จะแปลงเป็นค่าเหล้าเบียร์สำหรับเจ้าหน้าที่ ก็จะกลายเป็นปัจจัยสี่ของอีกหลายคน

คนที่ รอคอยโรดทอมีทั้งพ่ อแม่ ที่ หมู่ บ้านเกาะซั่ วที่ อยู่ ติดกันพี่น้องบางคนที่หากินฝืดเคือง ส่วนบ้านที่เกาะซ่าก มีพ่อตาแม่ยาย เมียและลูกสาวคนเล็ก ดีหน่อยที่ลูกคนโตและคนกลางไปทำงานเมืองไทยได้แล้วยังช่วยผ่อนแรงไปได้มาก แต่สามคนพ่อลูกก็อยู่กันคนละแห่งต่างคนต่างทำมาหากิน นานครั้งจึงได้เจอกัน แต่ถึงอย่างไร โรดทอก็ยังแบ่งเงินที่หามาได้ส่วนหนึ่งรวมกับคนบ้านเดียวกัน ส่งมาให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดใหม่ใช้ก่อสร้างวัดให้แล้วเสร็จ

วันนี้ของโรดทอในวัยสี่สิบห้าปี เขาเชื่อว่าสักวัน ไม่ว่าตัวเขาพ่อแม่พี่น้อง ลูกเมียของเขา หรือคนบ้านเดียวกันก็คงต้องมาถึงย่างกุ้งไม่วันใดก็วันหนึ่ง ถึงวันนั้น วัดใหม่ที่ก่อสร้างขึ้นด้วยหยาดเหงื่ อของพวกเขาก็คงพร้อมรับรองใครต่ อใครได้เข้ามาพักพิงเมื่อคราวจำเป็นมาถึง