อิ่มตา อิ่มท้อง อิ่มใจ กับสงกรานต์พม่าในเชียงใหม

โดย นานาตี

ช่วงเย็นของวันที่ 11 เมษายนบริเวณทางเดินหน้าโรงละครหอศิลปะวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารหลากหลายเมนู บ้างก็กำลังต่อแถวเพื่อรับอาหารทั้งคาวหวานที่จัดไว้บนโต๊ะ บางเมนูก็อาจคุ้นตาบ้าง บางเมนูก็ไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นก็เพราะอาหารเหล่านั้นเป็นอาหารจากพม่าที่บรรดาชาวพม่าและชนชาติต่างๆ ในเชียงใหม่ที่มารวมตัวกันได้เตรียมไว้ให้กับบรรดาเพื่ อนพ้องและแขกเหรื่ อที่ มาในงานฉลองสงกรานต์ หรือ “ตะจ่านปอย” ในภาษาพม่านั่นเอง


ขยุ้มขนมจีนเส้นขาวๆ ราดด้วยน้ำแกงเนื้อปลาช่อนที่ผ่านกรรมวิธีต้มเคี่ยวกันจนได้ที่ โรยหน้าด้วยผักชีต้นหอมสับและกระเทียมเจียว รสชาติกลมกล่อมแอบเผ็ดเล็กน้อยมีชื่อว่า อาระกันโม่งตี หรือ ขนมจีนปลาช่อนสัญชาติอาระกันเป็นอาหารจานแรกในงานที่เราได้ลองชิม นับว่าเป็นเมนูฮ็อตเมนูหนึ่งที่นิยมใช้เลี้ยงแขกเหรื่อในงานเทศกาลต่างๆ เพราะอร่อยและรับประทานง่าย

ส่วนอีกเมนูหนึ่งที่มีขนมจีนเป็นพระเอกอีกจานหนึ่งก็คือ ข้าวซอยโต้ก เป็นการนำผงแป้งสีเหลืองๆ ซึ่งส่วนผสมของขมิ้นมาคลุกเคล้ากับเส้นขนมจีนจนกลายเป็นสีเหลืองอ่อนระเรื่อน่ารับประทาน โรยหน้าด้วยผักชีต้นหอมสับ กระเทียมเจียว เพิ่มสีสันของรสชาติด้วยพริกป่นเล็กน้อย เป็นเมนูที่สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว ส่วนรสชาติจะอ่อนกว่าอาระกันโม่งตี ออกแนวกลมกล่อม

ตบท้ายด้วยของหวานสีสันสวยงามซึ่งมีให้เลือกมากมาย หนึ่งในจำนวนนั้นคือ โม่ง โลง เย ปอ ลักษณะเป็นก้อนกลมๆ สีขาวขนาดพอดีคำ คำว่า โม่ง โลงเย ปอ แปลว่า ขนมลูกกลมๆ ลอยน้ำ ซึ่งมาจากขั้นตอนของการทำขนมชนิดนี้โดยจะนำก้อนแป้งหยอดลงไปในน้ำเดือดเพื่อให้แป้งสุก และจะโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดในขั้นตอนสุดท้าย เมื่อกัดผ่านแป้งทีก็จะพบกับความหอมหวานจากน้ำตาลปึกที่ซ่อนตัวอยู่ในความเหนียวนุ่ม ขนมชนิดนี้นอกจากจะรับประทานกันในเทศกาลสงกรานต์แล้ว ยังทำกันในงานฉลองต้อนรับฟันซี่แรกของเด็กด้วย

 โม่ง โลง เย ปอ 

อาระกันโม่งตี
ข้าวซอยโต้ก

เมื่อท้องอิ่มแล้วก็ถึงเวลาของอาหารตาจากการแสดงหลายชุดที่เตรียมมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการร้องรำแบบพม่าและคะฉิ่น และการเต้นประกอบร่มหลากสีของไทยใหญ่ เป็นต้น เสียงกลองสูงๆ ต่ำๆ และท่วงทำนองคึกคักสอดแทรกด้วยความอ่ อนหวานของลูกเอื้อนที่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ ละชาติพันธุ์ บวกกับท่าร่ายรำที่ทั้งแข็งแรงและอ่อนช้อยของเหล่าสาวงาม (ทั้งสาวน้อยสาวแท้ และสาวเทียม) ถูกใจผู้ชมที่แน่นขนัดในโรงละครเป็นอย่างมาก แต่ที่สร้างสีสันและเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้มากที่ สุดเห็นจะเป็นการเต้นประกอบเพลงของเด็กหญิงตัวน้อยๆ นุ่งซิ่นผืนเล็กๆ ออกมาวาดลวดลายได้อย่างน่ารักน่าชัง ปิดท้ายด้วยการลุกขึ้นรำวงร่วมกันของคนที่มาร่วมงานและประพรมน้ำกันนิดๆ หน่อยๆพอเป็นพิธีก่อนงานเลี้ยงจะเลิกรา







แม้งานเฉลิมฉลองสงกรานต์ที่จัดขึ้นในวันนี้จะไม่อาจเทียบเท่าสิ่งที่พวกเขาเคยสัมผัสมาในบ้านเกิด แต่สำหรับคนที่ในปีนี้ไม่มีโอกาสกลับบ้าน หรือไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่จะได้กลับบ้าน มันก็สร้างความสุขให้กับพวกเขาในที่นี่ได้ไม่น้อยคนที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนานๆ คงเข้าใจดีว่า ไม่มีอะไรจะสุขเท่าการได้สัมผัสลิ้มรสอาหารที่คุ้นเคยและการได้ชื่นชมศิลปะวัฒนธรรมของชนชาติตัวเองอีกแล้ว.